iTime

Sunday, February 22, 2015

@^^เรื่องเล่าคนใต้ปีก ณ โรยัล ตอนที่ 6 "^^เมื่อพ่อจากไป^^RIP My Hero^^"Wind Beneath The Wings Eps #6^^@

20 Feb 2015
Time 14:30LT
@ FlyawayMinee's House
Temp 30C




ปี 2011
เป็นปีเริ่มการทำงาน หลังจากลาคลอดไปเลี้ยงลูก 3 เดือนเต็ม
เป็นปีของการเริ่มต้น และเป็นปีของการสูญเสีย
ปีนี้ มีความตั้งใจหลายอย่างมาก และสิ่งแรกที่สำคัญมากคือ
ตั้งใจจะคลุมฮิญาบไปทำงาน แต่ก่อนจะคลุมก็ขอเจ้านายแบบเป็นทางการ
อัลฮัมดุลลิลละห์ที่เจ้านายอนุญาต เพราะก่อนหน้านี้ เคยขอ แต่เจ้านายยังไม่เห็นด้วย
ถือเป็นการเริ่มต้นได้ดีมากของปีนี้ หลังจากมีมิคาอิล ก็เริ่มมีสิ่งดีๆ เข้ามา
ระหว่างที่ไปทำงาน แม่มาอยู่ดูแลมิคาอิลที่กรุงเทพฯ
ส่วนพ่อก็มาอยู่กรุงเทพฯบ้าง กลับไปนราธิวาสบ้าง
ซึ่งปี 2011 เป็นช่วงเวลาที่พ่ออยู่กับมินีมากที่สุด
อยู่ดูแลมิคาอิล คอยป้อนน้ำ ป้อนนม เปลี่ยนแพมเพิร์สให้
น่าจะเป็นหลานที่พ่อดูแลแบบใกล้ชิดมากที่สุดแล้ว












เริ่มต้นปีก่อนไปทำงาน ด้วยการไปเรียน Refresh Flight Dispatcher Course ครั้งแรก
หลังจากได้ใบอนุญาตมาแล้ว 2 ปี เหมือนย้อนกลับไปช่วงที่เรียน Flight Dispatcher ปี 2007 เลย
คิดถึงเพื่อนๆ มากๆ เรียนรอบนี้มี Sonam ที่เป็นเพื่อนร่วมคลาสที่เคยเรียนด้วยกัน


 @ ไปเรียนกั๊บ @





@ จำ Phase นี้ได้ก็จบปิ้ง @




มีงานทำแฮนลิ่งไฟล์ทส่งทหารไทยไปดาฟูว์ ดูยิ่งใหญ่มากงานนี้
ทำเครื่อง B767 ของสายการบินจอร์แดนเอวิเอชั่น
ทำงานกันดึกดื่น กลับบ้านลูกก็หลับ เหนื่อยมาก เพราะนมลูกก็ต้องปั้มเก็บตลอด








ช่วงปลายปี เดือนตุลา ย้ายบ้านลงมาเช้าคอนโดชั้นล่าง
ขนาดกว้างกว่าห้องเดิมที่เคยเช่า มีครัวแยก และกว้างมากสะดวกสบาย
มีระเบียนหน้าบ้านไว้ปิคนิก หรือนั่งเล่นกินลมยามเย็น

แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากย้ายลงมาแค่หนึ่งเดือน เกิดมหาอุทกภัยในกรุงเทพฯ
คืนที่น้ำเข้าบ้าน มินีกับลูก และพ่อ เก็บกระเป๋า เอาเสื้อผ้าออกจากบ้านตอนตีสอง

โชคดีที่ตอนเช้า พ่อกับแม่จะพามิคาอิลกลับไปนราธิวาสอยู่แล้ว
ทำให้ไม่ต้องทนอยู่กรุงเทพช่วงที่บ้านถูกน้ำท่วมอย่างหนัก

สามีเองหลังจากช่วยทุกคนขนของบนที่สูง ก็ตามมาสมทบที่สนามบิน
คืนนั้นพวกเรานอนรอที่สนามบิน จนส่งพ่อกับแม่ขึ้นเครื่อง
แล้วมินีก็กลับไปเก็บของที่บ้านต่อ และย้ายมานอนที่ออฟฟิตแทน
นอนที่ออฟฟิตได้แค่ 2 คืน น้ำเริ่มส่อแววว่าจะเข้าสนามบิน
ตอนนั้นแจ้งทุกหน่วยให้ทราบว่าจะเอายังไง จะเก็บของบนที่สูงมั้ย
แต่มีคำสั่งว่าอย่าโวยวาย น้ำไม่เข้าหรอก ไม่มีใครเชื่อเรา
เลยคิดว่า เราอยู่ไม่ได้แล้ว ไหนรถอีกที่ไปจอดทิ้งไว้บนทางด่วน
เลยคุยกับสามีว่า เราต้องขับรถหนีน้ำกลับไปนราธิวาสแล้ว อยู่ไม่ได้

เย็นวันที่ 28 ตุลาคม 2011 ขับรถกลับนราธิวาส
แต่ก็ไปนอนค้างที่หัวหินนึงคืน แล้วถึงนราธิวาสวันรุ่งขึ้นช่วงค่ำๆ
อยู่บ้านนราธิวาสหนึ่งเดือนเต็ม แต่ก็ยังทำงานอยู่นะ คือมินีอาสาทำเปอมิตจากที่บ้านให้
คนอื่นๆ ย้ายไปทำงานที่อู่ตะเภา มีเครื่องบินเข้าประเทศไทยเยอะมากช่วงนั้น
เพียงแค่มาลงดอนเมืองไม่ได้ ต้องลงที่สุวรรณภูมิกับอู่ตะเภาเท่านั้น

เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่บ้านนาน มีเวลากับครอบครัว
มีเวลาอยู่กับพ่อ โดยไม่ได้เอะใจอะไรเลยว่า
พ่อมินีจะจากไปแบบกระทันหันหลังน้ำท่วม
มินีได้ฝึกทำโรตีกับพ่อ ทำอาหารกับพ่อ ซึ่อพ่อทำเก่งมาก
ซึ่งมาลองทำเองอีกทีก็ตอนที่พ่อไม่อยู่แล้ว
พ่อเลยไม่มีโอกาสกินฝีมือของมินี


 @ ชุดกู้บ้าน @



หลังน้ำท่วม ก็มาทำความสสะอาดบ้าน และทำความสะอาดออฟฟิตด้วย
ช่วงนั้นลำบากสุดๆ น้ำไฟไม่มี แต่ก็ต้องอยู่กันให้ได้



ปลายปี เป็นช่วงที่เสียใจมากที่สุด
พ่อได้จากไปด้วยโรคหัวใจวายกระทันหัน
ครอบครัวต้องสูญเสียเสาหลักในชีวิต
ไม่คิดว่าท่านจะจากไปเร็วแบบนี้ ทุกคนเสียใจมาก
พี่สาวบินกลับจากซิดนีย์ แต่ก็ไม่ทันดูใจท่าน
สิ่งเดียวที่เราจะมอบให้แก่ท่านคือ ดุอา และดูแลแม่ให้ดีเท่าที่จะทำได้

เมื่อพ่อจากไป 28 ธันวาคม 2011 เวลาเที่ยงครึ่ง

พ่อจากไปโดยมีมินีกับพี่ชายอยู่ข้างๆ มินีดีใจที่ได้อยู่กับพ่อในช่วงเวลาสุดท้าย
ได้สอนพ่อกล่าวกาลีมาซาฮาดะ ข้างๆหูพ่อ พี่ชายอ่่านยาซีน
มินีเห็นพ่อน้ำตาลไหล คิดว่าพ่อคงได้ยินเสียง และรับรู้ว่าพ่อคงเจ็บปวดมาก

ช่วงเวลาที่พ่อจากไป มินีเอามินีอิลเข้ามาที่ทำงานบ่อยครั้งขึ้น
เพราะบางทีแม่ต้องกลับใต้ แต่มินีคาอิลต้องไปพบหมอที่จุฬาทุกอาทิตย์
การอุ้มลูกมาทำงานนี้ที่ทำงานนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกบริษัท
บริษัทนี้เจ้านายเข้าใจ อนุญาตให้เอามาทำงานด้วยได้
มิอิลเลยมีพี่เลี้ยงประจำออฟฟิตมากมายเลย
จนมิคาอิลคุ้นเคยกับเครื่องบิน กับการทำงานของมามาปาปา
มิคาอิลอาจจะได้เป็น Flight Dispatcher ในอนาคตก็เป็นได้ ใครจะรู้


@ ภาพสุดท้ายของพ่อ @




@ ทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้าที่บ้านของพ่อ @


ชีวิตผ่านเรื่องราวที่ดีและไม่ดีมามากมายเหลือเกิน แต่ใจเรายังสู้ไหว
ไม่ท้อแท้ ไม่หมดกำลังใจ ตราบใดที่ลมหายใจยังมีอยู่


ตอนต่อไป ติดตามกันนะค่ะ



ขอให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ด้วยเถอะ! อามีน



No comments: