iTime

Sunday, March 8, 2015

@^^เรื่องเล่าคนใต้ปีก ณ โรยัล ตอนที่ 10 ^^10 ปี กับที่เดิมแห่งนี้^^@^^The Story on Year 10th^^Wind Beneath The Wings Eps #10^^@

8 March 2015
Time 13:30LT
@ DMK Airport
Temp 39C



เป็นตอนที่อยากจะเขียนมากนะ แต่เขียนอะไรไปแล้ว 
อาจจะมีผลกระทบกับหลายๆคน หลายๆ ด้าน
คือบล็อคนี้มินีจะเขียนถึงเรื่องชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน
เหมือนเป็นบันทึกประจำวันของตัวเอง
ถ้าเขียนอะไรไปพาดพิงถึงบุคคลอื่น องค์กรอื่นๆ อาจจะมีผลกระทบไป
เลยคิดว่า มินีจะเล่าถึงเรื่องของตัวเองละกัน อาจจะมีเหตุการณ์อ้างอิงบ้าง
แต่ไม่ต้องเอาเก็บมาคิด หรือสงสัยอะไรให้ปวดหัวนะค่ะ เป็นแค่เหตุการณ์นึงเท่านั้น


เอาเป็นว่า เริ่มต้นปีด้วยการทำงานตั้งแต่เช้า
เป็นวันปีใหม่ที่ไปทำงานตามสเก็ตทำงาน จริงๆไม่ใช่เรื่องแปลกเลยนะ
จะเป็นแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ปีนี้เหมือนมีสัญญาณแปลกๆ
ที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันแปลกๆไป คงคล้ายกันกับคนจีน ถ้าถึงวันตรุษจีน
แล้วต้องมาทำงาน เขาจะเชื่อว่าปีนั้นจะต้องเหนื่อยทั้งปี
แต่มินีไม่ได้เชื่อแบบนั้นนะ แค่เอามาเปรียบเทียบตามความเชื่อของคนจีน
แต่วันแรกของปีที่ทำงาน มีเรื่องวุ่นมากมาย ให้ต้องคิด ปวดหัว อีกแล้ว 

วันนั้นลูกค้าขั้นเทพของเราเจ้าเดิม จะมาโดยไม่สนใจว่าจะได้สลอทมั้ย
ทั้งๆที่เราได้ส่งแจ้งไปแล้วว่า สลอทจะไม่พิจารณาสลอทในช่วงปีใหม่
แต่พี่แกก็จะเอาให้ได้ โทรจิกยังกับเราติดหนี้มันแปดแสน 
โทรไม่หยุด ทั้งๆที่หลังจากเลิกงานแล้ว มันเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของเราสิ
เราอยากพาแม่กับลูกไปเที่ยว ไปกินข้าวแบบมีความสุขบ้างไม่ได้เลยหรือ?
จนแม่หมดอารมณ์ แต่ก็ต้องเข้าใจมินีนะ งานมันเป็นแบบนี้จริงๆ เป็นมาตั้งนานแล้วด้วย
แต่พอทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ ได้มาแบบกระอักเลือดกันเลยที่เดียว
แต่เขาก็ส่งอีเมล์ขอบคุณทีมของเราอย่างใหญ่โตเชียวเลยล่ะ
ทำงานกับต่างชาติดีอย่างนึงคือ ถ้าทำดี เขาจะสิ่งนึงเพื่อทำให้เราได้รับรู้ว่า
เขาพอใจเราเช่นการชื่นชม ตอบแทนในสิ่งที่เราทำให้ ไม่ได้ลืม
ไม่เหมือนในสังคมการทำงานของไทย ที่ขาดสิ่งนี้ไป หรืออาจจะมี แต่น้อยมาก


 @ เช้าวันที่ 1 มกราคม 2558 @


@ หรรษามาก @



@ My Beloved @


หลังจากผ่านช่วงปีใหม่ งานในแผนกเราเข้ามาเยอะมากๆ
เงินไหลเข้าบริษัทแบบ nonstop แต่ทำไมยังมีปัญหา?
และสัญญาณอะไรบางอย่างเริ่มปะทุให้เราได้หวั่นๆ
จนมาถึงช่วงสิ้นเดือนของเดือนมกราคม
เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เหมือนการปฏิวัตินำโดยคณะจันโอเย ว่างั้น!!
แบบไม่มีใครได้ตั้งตัวเลย มีการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
มีเรื่องต้องให้ทุกคนต้องคิด พิจารณา ในเรื่องการทำงานที่ผ่านมา
และต้องทำการบ้านอย่างหนักหน่วง บางคนมองเริ่มหาอนาคตใหม่
และแยกย้ายกันออกไป บางก็ได้ร่ำลากัน บางก็จากไปโดยไม่ได้อำลา
มินีก็เป็นอีกคนที่เกือบจะต้องร่ำลาจากบ้านหลังนี้ไปเหมือนกัน
จากที่ๆเคยอยู่มาตลอด 10 ปี มีคนหยิบยื่นโอกาสให้อีกครั้ง
แต่ก็ตัดสินใจในแบบที่ทุกคนยังงงว่ ทำไม เพราะอะไร เราตัดสินใจแบบนี้

มองดูเหมือนเราโง่อีกแล้วใช่มั้ย? ใครมองแบบนี้ก็ไม่ผิดนะ
แต่...สาเหตุที่เลือกตัดสินแบบนี้อีกครั้ง
ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้หลอกจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้านั้น
มินีได้คิดถี่ถ้วนแล้วจริงๆ คือ ที่นี่เหมือนบ้านที่ได้เข้ามาอยู่ตั้งแต่เด็ก
มีส่วนร่วมในการทำให้บ้านหลังนี้น่าอยู่ตั้งแต่ต้น (แม้จะมีส่วนรวมไม่มากนัก)
ครั้นจะยืนมองดูบ้านหลังนี้พังหรือโดนยึดไปต่อหน้าต่อตา ก็ทำไม่ลงจริงๆ
มินีเคยผ่านร้อนผ่านหนาวกับบ้านหลังนี้มาอย่างยาวนาน
จริงอยู่ที่บ้านหลังนี้มินีไม่ได้เป็นเจ้าของ เจ้าบ้านอาจจะขายบ้านหลังนี้ทิ้งไปเมื่อไหร่ก็ได้
ตามที่เจ้าของบ้านเขาสามารถจะทำได้ แต่สุดท้ายแล้ว
แค่อยากจะอยู่ดูบ้านหลังนี้ให้มันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
และเมื่อถึงตอนนั้นมินีเองแหละจะเป็นคนที่เดินออกจากบ้านอย่างภูมิใจ
และคงไปตามหาความฝันเล็กๆ ที่บ้านเกิดของตัวเองอย่างที่เคยฝันไว้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว
การเลือกที่จะอยู่ และทิ้งโอกาสที่ดีไป มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด หรือเสียดายมากมายอะไร
แต่สิ่งนึงที่สำคัญกว่า คือ ใจของเรา ถ้าเลือกที่จะไป แต่ใจยังห่วงและยังอยู่ที่เดิม
มันคงไม่เกิดผลดีกับที่ใหม่ มันอาจจะทำให้เราไม่เต็มที่กับที่ใหม่ ซึ่งมันก็ไม่แฟร์
ผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงกว่า จริงๆ มันไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตมินีเลยนะ
ถามว่า ความเจริญก้าวหน้า ทุกคนต้องการ ทุกคนอยากมี มินีก็อยากมี
แต่ชีวิตมินีมันผ่านช่วงชีวิตที่ฟู่ฟ่ามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ
จนถึงยุคสมัยที่ยากลำบากสุดๆ ก็ผ่านมาแล้ว
และก็ได้รับบททดสอบอย่างหนักหน่วงมากตอนที่มีลูก
ถามว่า ถ้ามีเงินเยอะมากๆ ที่สามารถทำให้ลูกและครอบครัวสบาย 
แต่ตัวเองไม่มีเวลาดูแลคนเหล่านี้ ซึ่งปัญหาภายในบ้านของมินีก็ไม่เหมือนคนอื่น
คนในบ้าน โดยเฉพาะลูกชายของมินีต้องการได้รับการดูแลอย่างจริงจัง 
และคนที่ดูแลเขาได้ดีที่สุด คือ ตัวมินีเอง และสามี

ถ้ามินีมีความสามารถจ้างคนเก่งๆ มาดูแลลูกเองได้ที่บ้าน 
แต่ตัวมินีเองไม่มีเวลาให้ลูกเลย มันก็ไม่ใช่สิ่งที่มินีต้องการอีก

มีอีกหลากหลายเหตุผลที่มินีตัดสินใจแบบนี้ บางอย่างก็พูดอธิบายไม่ได้
แต่จะบอกว่าไม่เสียใจและเสียดายโอกาสเลย
แต่มันกลับทำให้เราเข้าใจถึงสถานการณ์ได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ

ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นคนสำคัญของใคร
หรือจะต้องมั่งมีเงินทองมากมายขนาดไหน
แค่อยากจะมั่งมีความสุข ความสงบ ใช้ชีวิตได้อย่างปรกติ
มีคนรักอย่างจริงจัง และจริงใจ
มีปัจจัยในการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา
ลูกกินอิ่ม หลับสบาย โรคที่เขาเป็นต้องรักษาให้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
สิ่งอื่นๆ ถ้าจะมีเข้ามาให้ชีวิตเพิ่มเติมในอนาคต  อัลฮัมดุลลิลละห์ 
ถือเป็นริสกีที่พระองคประสงค์จะประทานให้เราจริงๆ

จะบอกว่า ชีวิตการทำงานที่ผ่านมา เจอเรื่องราวมากมายเหลือเกิน
ตั้งแต่ก่อนมาทำงานที่นี่ ตั้งแต่ เงินเดือนไม่ออกหลายเดือนติดต่อกัน
โดนใส่ร้าย ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนทำ แต่ทุกอย่างมันจบลงได้ดี
ตกงานหลายเดือน กว่าจะได้งาน หลังจากที่ชีวิตดีขึ้น การงานดีขึ้น
มีครอบครัวที่รักเราจริง มีคนที่ห่วงใยเราจริงๆ
มีสามีที่รักเรา มีลูกที่น่ารัก มาเติมเต็มชีวิต
ยังก็มีโอกาสในชีวิตได้ทำในสิ่งที่แปลกใหม่มากมายจริงๆ
เลยทำให้มินีไม่ได้รู้สึกจะขาดอะไรเลยนะ ในชีวิต





@ Selfie @


ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่ได้จะบอกว่าคนที่แยกย้ายออกไปนั้น
เขาจะเป็นคนผิดนะ เขามีโอกาสที่ดีกว่า และมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ต่างกันไป
 ความต้องการของคนเราก็ต่างกัน เคารพทุกการตัดสินใจของทุกคน
เสียใจที่บางคนแทบไม่ได้ร่ำลากัน แต่ก็ยินดี เมื่อได้ยินเรื่องราวที่เขาได้ไปเริ่มในที่ที่ดีๆ

เป็นอีกนึงประสบการณ์ที่ได้สอนให้ชีวิตเราต้องสู้ 
สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจริงๆ ตอนนี้ ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้นะ 
ยังตกใจไม่หาย ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน ยังมีคำถามมากมายในใจ
แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เรียนรู้ที่จะเจ็บปวดบ้างและเรียนรู้ที่จะมีความสุข
สติสำคัญมาก และต้องตั้งใจ ต้องแน่วแน่ ถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนชาว RSW

สุดท้ายคงไม่อยากเห็นอะไร นอกจาก
ความสงบสุขที่หวังว่าจะมีกลับมาเหมือนเดิม
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
แค่นี้จริงๆ



เอนทรี่หน้า เข้าโหมดชีวิตปกติแล้วนะค่ะ มีเรื่องขนมสวยๆ
ที่ค้างเขียนอวดเพื่อนๆ ตั้งมากมาย


มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ






1 comment:

Anonymous said...

LIKE