iTime

Friday, February 20, 2015

@^^เรื่องเล่าคนใต้ปีก ณ โรยัล ตอนที่ 5 "เมื่อทายาทดิสแพชเชอร์ของโรยัลฯถือกำเนิดในปีเสือ^^RSW's Dispatcher Junior Was Born"Wind Beneath The Wings Eps #5^^@

19 Feb 2015
Time 23:37LT
@ FlyawayMinee's House
Temp 30C


สวัสดีวันตรุษจีน
ปีนี้ตรุษจีนที่บริษัทเงียบเหงา เพราะอะไร 
ทุกคนที่ออฟฟิตต่างรู้กันดี ไม่เป็นไรเนอะ 
ชีวิตมีดี มีไม่ดีบ้าง ทุกอย่างล้วนถูกทดสอบ

ตอนแรกว่าจะเล่าเรื่องปัจจุบันก่อน แต่คิดไปคิดมา
มาบันทึก เรื่องเล่าคนใต้ปีก ณ โรยัล ก่อนดีกว่า มันใกล้จบแล้ว
เดี๋ยวคนอ่านจะงง และขาดตอนไป เพราะเรื่องอื่นมาขั้นเสียก่อน


เรื่องเล่าคนใต้ปีก ณ โรยัล ตอนที่ 5
ปี 2009-2010

หลังชีวิตแต่งงานผ่านไปไม่กี่เดือน ทุกอย่างเข้าสู่โหมดการทำงานที่หนักหน่วง
เหนื่อยมาก แต่ก็มีกำลังใจจากสามีเคียงข้างตลอดเวลา
ปี 2009 ไปร่วมงานสัมนากับทางปตท ครั้งแรก
คือที่ผ่านมาไม่เคยได้ไปกับเขาเลย ติดนู้นนี่นั้นตลอดเวลา
ปีนี้มีโอกาสได้ไป คุณใหม่ เซลที่น่ารัก คงแปลกใจที่มินีไปร่วมสัมนาปีนี้ได้ 
ตอนนั้นยังดูแลเราอยู่ก็ดูแลเราเป็นอย่างดี
แต่คุณใหม่ก็แจ้งข่าวน่าเศร้าว่า 
จะมีเซลคนอื่นดูแลเราแทนคุณใหม่แล้ว
แต่จริงๆแล้วเซลคนไหนๆ ของปตท ก็น่ารักหมดทุกคน เอาใจใส่ดีมากๆ
คุณปอป เซลคนใหม่ที่มาดูแลแทนคุณใหม่ ก็น่ารักมากๆ
ประทับที่คุณปอปมาเยี่ยมเราและลูกถึงบ้าน เมื่อตอนที่เพิ่งคลอดใหม่ๆ
คุณปอปโทรถามทางว่าบ้านอยู่แถวไหน มินีบอกชื่อถนนผิด
คือจริงๆบอกไม่ผิด แต่ออกเสียงผิด สรงประภา เป็นโสมประภา
คุณปอปงงสิเนอะ คริๆ คือจะบอกว่า ภาษาไทยแย่มาก อังกฤษก็ไม่ได้เลย 555+













ปี 2009 ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรที่โดเด่น
ทำงานไป ถึงสิ้นปีก็ฉลองปีใหม่ เสร็จแล้วก็สรุปผลประกอบการของแผนก
และเตรียมรับโบนัสในวันตรุษจีนตามธรรมเนียมทุกปี
(แต่ปีนี้ 2010 มันน่าเศร้ามาก T__T)


ปี 2010 ต้นปีก็ไปร่วมงานแอร์โชว์ที่สิงค์โปร์ (อีกแล้ว)
แต่รอบนี้ทางบริษัทส่งไป เลยสะดวกสบายกว่ารอบที่แล้ว
จะบอกว่า ช่วงที่เดินทาง มินีท้องโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ตัว
แต่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวเองกินเก่ง อวบขึ้น ง่วง และเหนื่อยง่าย
แต่ก็ยังวิ่ง เดินเร็ว โดยไม่ได้ระวังตัวอะไรเลยเหมือนเดิม

ไปงานแอร์โชว์ครั้งนี้ ต้องคอยดูแลลูกค้าของบริษัท อำนวยความสะดวก
ในระหว่างที่ไปอยู่ที่นู้น 3 วัน แต่ก็ไม่มีไรยุ่งมาก ถึงเวลาก็กิน เที่ยว เดินเล่น
แอร์โชว์ก็เดิมๆ ไปอยู่ที่ชาเลย์ของ HPA อาหาร เครื่องดื่มเขาอร่อยดีนะ





@ กำลังจะได้เป็นคุณแม่โดยที่ไม่รู้ตัว @








@ เพื่อนร่วมทริป @


หลังกลับมาจากทริปนี้ เริ่มรู้สึกแปลกๆ ไป
แต่ก็ยังไม่ได้ไปตรวจ เพราะประจำเดือนยังมา แต่ไม่ปรกติ
แต่ที่สังเกตเห็นเด่นชัดคือ หลับลึก จนใครมาปลุกไม่ตื่น
มีอยู่วันนึงสามีมาเคาะประตูเรียก แต่มินีหลับ เขาตะโกนก็แล้ว
โทรเข้ามือก็แล้ว ก็ไม่ตื่น จนเข้าต้องงัดลูกบิดประตูกันเลยที่เดียว 555+


วันที่ไปหาหมอตรวจ คือช่วงเดือนมีนาคม หลังวันเกิดตัวเองไม่กี่วัน
ซึ่งผลตรวจ หมอบอกว่าตังครรภ์ ดีใจมากๆ มินีฝากท้องที่บีแคร์
ระหว่างท้องตั้งแต่แรกจนถึงเดือนที่ 6 ทุกอย่างปรกติดี
แต่แล้วมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้คาดคิด คือ
หมอตรวจพบความผิดปรกติของลูกจากการอัลตร้าซาว์ครั้งที่ 2 เดือนที่ 6
ได้ยินหมอบอกครั้งแรก มินีอึ้ง ตกใจ เสียใจมาก มีคำถามว่าในใจ
ว่าเกิดได้ยังไง ทำไมต้องเป็นลูกของเรา
กลับบ้าน นอนกอดสามีร้องไห้เหมือนคนบ้า ร้องแบบนี้เป็นอาทิตย์
จนสามีบอกว่า เราพอได้แล้ว ตอนนี้ เราต้องดูแลลูกในท้องของเราให้ดี
อะไรที่แย่ๆ อาจจะไม่แย่ที่สุดก็ได้ เริ่มทำใจ ใช้ชีวิตปรกติ แต่ก็หาหมอถี่ขึ้น
ร่วมถึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ไปเจออาจารย์หมอเก่งๆ ฟังจากหลายๆหมอ
แต่สรุปสุดท้าย ลูกเราเกิดมา จะไม่ใช่เด็กที่ปรกติแน่ๆ
เสียใจมาก แต่คิดแค่ว่า สิ่งนี้คือบทสอบเราจริงๆ 

จนวันกำหนดคลอด หมอนัดผ่าคลอด
ด้วยเหตุผลของหมอ เราก็โอเค เพราะอายุครรภ์ 40 สัปดาห์แล้ว
ถือว่าครบกำหนด แต่เราไม่มีอาการเจ็บท้องคลอด หรือน้ำเดินที่เขาเป็นกัน
เลยไม่มีประสบการณ์การเจ็บท้องคลอดเลย T__T

ผ่าคลอดโดยการบล็อคหลัง หมอเข้ามาคุยด้วยตลอด 
มิคาอิลคลอดวันที่ 4 ตุลาคม 2010 ตอนบ่ายสองโมงยี่สิบสี่นาที ปีเสือ
ได้ยินเสียงมิคาอิลร้อง คุณหมอบอกให้คะแนนเต็ม 10 ร้องดังมากๆ
แล้วคุณหมอก็เอามิคาอิลมามินีหอมด้วยตอนนั้นด้วย

คลอดวันแรกผ่านไป พ่อแม่มาเฝ้าด้วยที่โรงพยาบาล
เจ็บแผลมาก แต่แปลกใจ ทำไมไม่เอาลูกมากินนมสักที
จนพยาบาลเดินมาบอกว่า มิคาอิลต้องอยู่ในตู้อบ เพราะตัวเหลือง
ดูดนมไม่เก่ง แล้วมีภาวะน้ำตาลต่ำกว่าเกณฑ์ 
เลยต้องให้อยู่ห้องไอซียูเด็กแรกเกิดก่อน และอยู่ในตู้อบด้วย

ใจมินีพอรู้ว่าลูกไม่ปรกติ ไม่แข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นๆ ทำใจได้
วันรุ่งขึ้นคุณหมอเด็กที่ดูแลมิคาอิลก็เรียกสามีไปคุยเรื่องอาการของลูก
คุณแจ้งว่ามิคาอิลตาขวาของเราไม่เปิด จนหมอตรวจดูตา ตาขวาเขาเล็กมาก
สิ่งแรกที่ได้ยิน นอกจากที่เคยรู้เรื่องโพรงในสมองของเราที่กว้างกว่าปรกติแล้ว
นี่เป็นบททดสอบที่สองที่เราต้องเจอสินะ
และหมอยังแจ้งลูกอัณฑะข้างซ้ายของเขาไม่ตกในถุง
จู๋เขาเล็กมาก และมีปัญหาเรื่องต่อมไร้ท่อด้วย
มิคาอิลเป็นอะไรกันแน่ ทำไมมันดูแย่ และเลวร้ายสำหรับเขาขนาดนี้

เป็นสิ่งที่ทำภาวะจิตใจมินีแย่มากตอนนั้น จนช่วงที่ต้องกลับบ้าน
ลูกก็ยังกลับไม่ได้ ยังต้องอยู่โรงพยาบาล วันที่จะกลับบ้าน
มินีแวะไปเยี่ยมลูกที่ห้องไอซียูเด็ก เอาเขาออกจากตู้อบ เพื่อให้กินนมจากเต้า
แต่เขาก็ไม่ค่อยดูด พยายามเรียกชื่อเขา น้ำตาก็ไหลไม่หยุด
ออกจากโรงพยาบาลก็นั่งร้องไห้บนรถ จนพ่อของมินีพูดกับมินีคำนึงว่า

"ลูกของเรา เราคิดว่าเป็นของเรา แต่จริงๆแล้ว มันเป็นกรรมสิทธิของพระองค์
พระองค์เลือกให้เราถูกทดสอบในสิ่งที่ยากลำบากที่สุด แต่พระองค์จะไม่ทอดทิ้งเรา
สุดท้ายแล้ว ลูกของเราก็ต้องกลับไปในความเมตตาของพระองค์ เหมือนกับเราเช่นกัน"

พ่อเตือนสติ ให้มินีไม่อ่อนแอ ไม่เสียใจ
แต่พ่อยังทำให้มินีเข้มแข็งมากกว่าเดิมตั้งหลายเท่า
ถ้าพ่อยังอยู่ พ่อจะได้เห็นว่าหลานตัวแสบของพ่อ 
มีพัฒนาไปได้ดีมากขึ้นตามลำดับ



@ เดินทางไปคลอด @


 @ มิคาอิลอยู่ในตู้อบ @


 @ ตอนเล็กหน้าเหมือนฝรั่ง โตมาจีนซะงั้น! @


 @ ชินจังของมามา @


 @ คุณตาทำพิธีโกนผมไฟอย่างเรียบง่าย @


@ พาไปตรวจที่จุฬาฯ ครั้งแรก @


ในความโชคร้าย ก็มีเรื่องดีๆ เข้ามา เช่น ได้เจอคุณหมอใจดี และเก่งมาก
เจ้านายเข้าใจและให้โอกาสและสนับสนุน
ให้มินีทำการรักษามิคาอิลได้โดยไม่มีผลกระทบกับงานอยู่
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เอ็นดูลูกมินีมาก มีบ้างสิ่งเกิดขึ้นและได้มาแบบไม่ทันตั้งตัว
มีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งๆที่มิคาอิลเองก็ต้องรักษาตัวกับหมอแบบถี่มากในช่วงแรก

มีกำลังใจ และมินีไม่เคยรู้สึกว่ามิคาอิลจะด้อยไปกว่าเด็กคนอื่นๆ 
เรามองว่าเขาเป็นเหมือนเด็กปรกติ ไม่เคยอายที่จะพาเขาไปไหนมาไหน
ใครถามก็ตอบไปตามความจริง อย่างกล้าหาญ ไม่เคยอายเลย





ช่วงคลอดลางาน 3 เดือนเต็มๆ จริงแล้วมินีทำงานจนเกือบถึงวันคลอดเลย
พี่ HR คนเก่า เดินมาบอกว่า ลาคลอดได้แล้ว ไม่ต้องมาทำงาน เดี๋ยวบริษัทจะโดนฟ้อง

นี่เราทำงานงานยันเกือบคลอดเลยหรอ? เพราะช่วงที่ท้องไม่มีอาการแพ้อะไรเลย
ปรกติมากๆ ทำงานได้ทุกอย่างตามปรกติ ไปอยู่ข้างเครื่องบิน บ่อยมากๆด้วย ช่วงนั้น



ถือเป็นปีที่เจอมรสุมชีวิตอย่างหนัก ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เรื่องการดูแลลูก
แต่มินีก็ผ่านมันไปได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปจริงๆ
มินีรู้ว่าพระองค์จะไม่ปล่อยให้เราเผชิญกับปัญหาเพียงลำพังแน่นอน
ถ้าเราไม่ลืมพระองค์ อัลฮัมดุลลิลละห์จริงๆ

จากนี้ไป คงไม่มีปัญหาอะไรที่แย่เกินกว่าที่เราจะรับได้แล้ว
เพราะที่ผ่านมา เราเจอปัญหาที่หนักมากที่สุดในชีวิต
แล้วมินีก็ผ่านมันมาได้ จะมีอะไรหนักกว่านี้อีกหรือ?



ตอนต่อไปกำลังเขียน จะมาอัพเร็วๆ นี้ค่ะ



มีความสุขมากๆ ในทุกวันนะค่ะ





No comments: