Time 1200LT
@ Donmueange Int'l Airport
Temp 30C
หายจากการเขียนบล็อกไปยาวนานมากๆ
ทุกๆวันๆ มีเรื่องต้องให้คิดยาวๆ พอมีเวลาว่างๆ ก็มีหลายสิ่งที่ต้องทำ
ปีนี้ทำไมถึงได้ยุ่ง และวุ่นวาย จนทำให้รู้สึกเหนื่อยมากขนาดนี้นะ
จะพยายามโฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อทำให้มันสำเร็จไปที่ละอย่าง
แต่มันก็ยังทำไม่ทัน (ไม่ทันนี้ไม่ทันใจตัวเอง และลูกค้า)
ชีวิตที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องที่สามีมีอาการเจ็บป่วย
ปวดหลังข้ามปี เลยทำให้ทุกอย่างเราต้องช่วยดูแลหลายๆสิ่งแทนสามี
งาน ชีวิตครอบครัว และวันว่างๆ แทบจะแยกกันไม่ออกเลย คือ
วันวันทำงาน ก็ต้องหาเวลาว่างๆเล่นกับลูก รวมถึงสอนทักษะต่างๆให้ลูกไปด้วย
ถ้ามีเวลาเหลือ ก็ลงมือทำขนม อีกหนึงสิ่งที่รัก และอยากทำให้เก่งจนชำนาญ
จริงๆปี 2016 ตั้งใจไว้ว่า จะพยายามอ่านหนังสือดีๆ ให้ได้มากที่สุด
จะหาเวลาว่างๆไปพักผ่อนกับครอบครัวบ้าง แต่ตอนนี้ทำไม่ได้อย่างที่ตั้งไว้
บวกกับสามียังไม่พร้อมด้านร่างกายด้วย เรื่องพักผ่อนเที่ยวกับครอบครัว ต้องพับเก็บไว้ก่อน
พูดถึงอาการเจ็บป่วยของสามี บางคนอาจจะรู้ บางคนก็ไม่รู้
คือตอนนี้สามีมินีผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังเรียบร้อยแล้ว
เมื่อ ปลายๆเดือนมีนาที่ผ่านมา
แต่จะบอกว่าก่อนที่จะผ่า เป็นอะไรที่มินีและสามีค่อนข้างจะกังวลมาก
เดินสายหาหมอแทบทุกวัน เพราะเขาปวดจนบางทีนั่งไม่ได้
เดินไม่ได้ ต้องลงไปนอนอย่างเดียว
จนสุดท้ายสามียอมผ่า และกว่าจะลงเอยเรื่องโรงพยาบาลที่จะผ่า
ก็สาหัสเอาการเลยที่เดียว เพราะแต่ละที่ราคาค่าผ่าตัดสูงมาก
แต่ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นบททดสอบครอบครัวเราจริงๆ
อะไรทียากๆ ก็สามารถทำให้ง่ายขึ้นได้
อะไรที่มันแพง กลับกลายเป็นถูกอย่างเหลือเชื่อเลย!
จบเรื่องสามี ก็ไม่วายจะมีเรื่องงานเข้ามาให้ครุ่นคิดมากมาย
เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเปลี่ยน จริงๆ ก็ทำใจไปบ้างแล้ว
มันเป็นธรรมดา อะไรที่เคยเป็น อยู่ๆ เปลี่ยนไป มันก็ทำให้เรารู้สึกงุ่นงงบ้าง
หลากหลายสิ่งวนเวียนอยู่ในหัว ไตร่ตรองหลายต่อหลายเรื่อง
ว่าจะเอายังไงดี เราไม่ได้กลัวการเปลี่ยนแปลงใช่มั้ย? ถามตัวเองมาตลอด
จริงๆไม่เคยกลัว แต่เราให้ความสำคัญรอบๆข้างสำคัญพอๆกับครอบครัว โดยเฉพาะงาน
มีหลายคนบอกว่าเราคิดแบบนี้ไม่ได้ ยังไงๆ ครอบครัวก็ต้องสำคัญกว่า
ซึ่งมินีก็ไม่ได้คิดว่าครอบครัวไม่สำคัญ แต่มินีอาจจะผิดตรงเอาทุกอย่าง
และให้ความสำคัญทุกอย่างเท่าๆ กับครอบครัว
มีอยู่วันนึงเจอพี่ที่เคยทำงานด้วยกันที่โรยัลฯ โดยบังเอิญในอาคารผู้โดยสารระหว่างมินีเดินไปละหมาด
เขาก็ถามถึงทุกข์สุขของเรา ถามถึงลูก เขาบอกว่าอิลดูเก่งขึ้นเยอะเลย
ว่างๆ ลองพาอิลไปเรียนที่เดียวกับลูกพี่สิ เสาร์ อาทิตย์ เรียนภาษาอังกฤษด้วย อิลน่าจะชอบ
สิ่งที่มินีตอบพี่เขาไป คือ ไม่มีเวลาเลยพี่ เสาร์ อาทิตย์ บางทีมีงาน สามีก็เจ็บหลัง
สิ่งหนึ่งที่พี่เขาบอกมินี และทำให้มินีสตั้นไป 5 วินาที คือ
"ไม่ได้นะ ลูกเรา เรามาบอกว่าไม่มีเวลาไม่ได้นะ"
จบเรื่องสามี ก็ไม่วายจะมีเรื่องงานเข้ามาให้ครุ่นคิดมากมาย
เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเปลี่ยน จริงๆ ก็ทำใจไปบ้างแล้ว
มันเป็นธรรมดา อะไรที่เคยเป็น อยู่ๆ เปลี่ยนไป มันก็ทำให้เรารู้สึกงุ่นงงบ้าง
หลากหลายสิ่งวนเวียนอยู่ในหัว ไตร่ตรองหลายต่อหลายเรื่อง
ว่าจะเอายังไงดี เราไม่ได้กลัวการเปลี่ยนแปลงใช่มั้ย? ถามตัวเองมาตลอด
จริงๆไม่เคยกลัว แต่เราให้ความสำคัญรอบๆข้างสำคัญพอๆกับครอบครัว โดยเฉพาะงาน
มีหลายคนบอกว่าเราคิดแบบนี้ไม่ได้ ยังไงๆ ครอบครัวก็ต้องสำคัญกว่า
ซึ่งมินีก็ไม่ได้คิดว่าครอบครัวไม่สำคัญ แต่มินีอาจจะผิดตรงเอาทุกอย่าง
และให้ความสำคัญทุกอย่างเท่าๆ กับครอบครัว
มีอยู่วันนึงเจอพี่ที่เคยทำงานด้วยกันที่โรยัลฯ โดยบังเอิญในอาคารผู้โดยสารระหว่างมินีเดินไปละหมาด
เขาก็ถามถึงทุกข์สุขของเรา ถามถึงลูก เขาบอกว่าอิลดูเก่งขึ้นเยอะเลย
ว่างๆ ลองพาอิลไปเรียนที่เดียวกับลูกพี่สิ เสาร์ อาทิตย์ เรียนภาษาอังกฤษด้วย อิลน่าจะชอบ
สิ่งที่มินีตอบพี่เขาไป คือ ไม่มีเวลาเลยพี่ เสาร์ อาทิตย์ บางทีมีงาน สามีก็เจ็บหลัง
สิ่งหนึ่งที่พี่เขาบอกมินี และทำให้มินีสตั้นไป 5 วินาที คือ
"ไม่ได้นะ ลูกเรา เรามาบอกว่าไม่มีเวลาไม่ได้นะ"
พี่เขาทำให้มินีกลับมานั่งคิด นอนคิด เออจริงว่ะ ทำไมเราอ้างไม่มีเวลากับลูก
แต่ทำไมเรามีเวลาอยู่กับอีเมล์ตลอดทั้งวัน แม้มันจะดังตอนดึกๆ เที่ยงคืน เราก็ตื่นมาตอบ
ใครจะโทรมาตอนเราหลับไปแล้ว เราก็ตื่นมารับ เรามองว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
แล้วทำไมเวลาที่เราต้องมีให้ลูก เราถึงมาบอกว่าไม่มีเวลา ซึ่งมันคือหน้าที่ของเราที่เราต้องทำ
ไม่มีใครให้เงินเดือนเรา ในการดูแลลูก เพราะมันคือความรับผิดชอบของแม่
มันเป็นหน้าที่เรา ไม่ใช่หน้าที่ของแม่เราหรือใครที่ต้องดูแลแทนเรา
มาถึงจุดนี้ เรา GET เลย
มันทำให้คิดไปถึงว่า ตอนนี้ชีวิตเรา เราต้องการอะไรมากที่สุดกันแน่
เงินทอง แน่นอนไม่มีลำบาก แต่ท้ายสุดแล้ว จะมีจะจน ริสกีต่างๆ มาจากไหน
ถ้าพระองค์ไม่ให้เราจะได้ จะมีมั้ย? อยู่เฉยๆ เงินไม่ลอยมาแน่นอน
แต่ถ้าทำงานในแบบที่เราลูกแลลูกได้เต็มที่นอกจากเงินที่เราได้ (อาจจะน้อยกว่าที่เคยได้)
แต่สิ่งที่จะได้เพิ่ม คือ เวลาที่เราจะมีให้ลูกได้เต็มที่
ตอนนี้เริ่มเห็นเป้าหมายที่ชัดขึ้น มีแรงจูงใจให้ทำในสิ่งที่อยากทำมากขึ้น
สิ่งที่ตั้งใจ สิ่งที่รัก ความกตัญญู การตอบแทน ถ้ามีโอกาส ก็จะทำ
เพราะไม่เคยลืมเลยว่าใครเคยช่วยเหลือชีวิตมินีมา
ตอนนี้จะเรียนรู้เพิ่มพูลประสบการณ์เรื่อยๆ โดยเฉพาะประสบการณ์ชีวิตที่มินีต้องเรียนรู้อีกมาก
ตราบที่ยังมีลมหายใจ
ขอให้พระองค์ตอบรับทุกๆ คำขอ และขอให้สิ่งที่ตั้งใจทำ มีผลตอบรับที่ดี
มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา ขอให้อิลมีเวลา มีโอกาสได้เรียนรู้เท่าเทียมกับเด็กๆทั่วไป
ขอให้เขาโตในสังคมที่แม้จะไม่มีปาปามามา อิลก็สามารถเอาตัวรอดได้
บางทีแล้ว
ทำในสิ่งที่รักกับทำสิ่งใดสิ่งนึงเพื่อคนที่เรารัก มันมีแค่เส้นบางๆ กั้นไว้เท่านั้นเอง
ขอกำลังใจแบบล้นๆเลยนะค่ะ
ปล. ร่างไว้นานตั้งแต่สิ้นเดือนมีนา
เอนทรีหน้าจะเขียนเรื่องงานแต่งของแพทตี้ รอรูปสวยๆ ก่อนนะค่ะ
"I won't give up"
No comments:
Post a Comment