iTime

Friday, March 28, 2014

@^^อัพเดทสัปดาห์ที่วุ่นวาย^^Completely Busy Day^^@

28 March 2014
Time 17:30LT
@ DMK
Temp 36C.

ผ่านมาสองอาทิตย์เต็มๆ ที่ไม่มีเวลาเข้ามาอัพเดทในไดอารี่
ยอมรับว่างานยุ่งมาก มีเรื่องต้องให้ปวดหัวทุกวัน
ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าอย่างแรง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะค่ะ
เดี๋ยวจะมาเล่าเป็นไทม์ไลน์เลยว่า มินีไปเจออะไรมาบ้าง


13 Mar 2014
เป็นวันทำงาน แต่ช่วงบ่ายก็ต้องพามิคาอิลไปเจาะเลือดที่รพ.จุฬาฯ
เพราะวันที่ 19 มีนานี้ มิคาอิลมีนัดทำ MRI ที่จุฬาฯ 
เลยต้องมาเจาะเลือดตรวจการทำงานของไตก่อน
หลังจากเจาะเลือดเสร็จ ก็ต้องรีบไปที่ทำการเขตฯ 
เพื่อคัดสูติบัตรให้มิคาอิล จะเอาไปทำพาสพอร์ท


@ เด็กทำปากจู๋ เดี๋ยวจะเจ็บตัว ยังไม่รู้ตัว @


@ โดนเจาะเลือด แต่ไม่ร้องเลยแฮ่ะ @


14 Mar 2014
ทำพาสพอร์ทที่เซนทรัลบางนา

แม่มีแผนจะบินไปดูแลพี่สาวที่ออสเตรเลีย แต่พาสพอร์ทของแม่ดันมาหมดอายุ
ที่กรมศุลฯ ก็ยังไม่เปิดบริการ ม็อบก็ยังปิดสถานที่ ลำบากมากนะ ณ จุดนี้
พวกเราไปถึงที่ทำพาสพอร์ทตอนเช้า 7 โมงครึ่ง คนมาต่อคิวเต็มเลย
งานนี้ถ้าสามีเราไม่มาด้วยคงแย่ เพราะต้องต่อแถวเอาคิวสำรองก่อน ซึ่งแถวยาวมาก
ให้คุณสามีที่น่ารักช่วยต่อคิวให้ เริ่มต่อคิวตั้งแต่ไปถึง กว่าจะได้คิวสำรองก็เที่ยงครึ่ง
หลังจากได้คิวสำรอง ก็ต้องรอเอาคิวจริงอีกเลยเดินลงไปหาอะไรกินรองท้องก่อน
เพราะแม่เริ่มแย่แล้ว มิคาอิลก็เริ่มงอแง จริงๆ จะทำพาสพอร์ทแค่ของแม่กับมิคาอิล
แต่ไหนๆมาแล้วก็ให้คุณสามีทำด้วยเลยจะได้มีกันครบทุกคน
จะเดินทางไปไหนก็ได้ไม่ต้องมารีบทำพาสพอร์ทอีก
ทานเสร็จก็ไปรับคิวจริง กว่าจะได้ทำก็ประมาณ 4 โมงเย็น
จะบอกว่า พอได้คิวเข้าห้องทำพาสพอร์ท ทุกอย่างก็ไหลลื่นเชียว ทำเสร็จเร็วมาก
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว รีบออกจากเซนทรัลบางนา
ไปแวะทานข้าวก่อนกลับบ้านเป็นวันที่เพลียมากๆ
อีก 1 สัปดาห์ พาสพอร์ทก็จะส่งตรงถึงบ้าน จะได้รีบไปทำวีซ่าให้แม่


@ Q @


@ รอนานมาก แต่ป๋มยังสู้ @


15 Mar 2014
วันหยุดไปดูแฟชั่นโชว์

วันหยุดนี้อยากไปดูแฟชั่นเสื้อผ้าสวยๆ งาน BIFF&BIL 2014 ที่เมืองทองธานี
มินีแยกกันเดินกับคุณสามี เพราะเขาอยากไปดูงานรองเท้ากีฬาที่ลดราคา
ส่วนมินีไม่อยากไปดู เพราะไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้อรองเท้ากีฬา 
แต่ตั้งใจมาดูงาน BIFF&BIL มากว่า พอดีช่วงเวลาที่ไปใกล้เวลาแสดงแฟชั่น
โชคดีมากที่ได้ดูโชว์ของ CARRIE PARRY จาก NYC ซึ่งได้รับเชิญจากสถาณทูตอเมริกา
ให้มาแสดงแบบเสื้อผ้าในงานนี้ เสื้อผ้าของเขาสวยเทห์ เก๋ๆ ส่วมใส่ได้ทุกโอกาส ชอบมาก





@ นั่งติดเวที @


@ CARRIE PARRY's Fashion Show @

หลังจากโชว์แสดงเสร็จ คุณสามีก็มาเจอเรา แล้วก็เดินดูบูธเสื้อผ้าต่างๆ เดินไปดูบูธของ
คุณโบว์ ดีไซเนอร์คนสวยจากเมืองปัตตานี แต่เจ้าของบูธก็ไม่อยู่บูธซะงั้น อดเจออีกแล้ว

ระหว่างนั้นคุณสามีชวนกลับบ้าน บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลย 
แหละนั้นคือต้นเหตุทำให้มิคาอิลป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ในวันรุ่งขึ้น


16-17 Mar 2014
มิคาอิลป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009

เช้านี้ตื่นมา มิคาอิลตัวร้อน เหมือนจะไข้ เลยจับเช็ดตัว กินข้าวและกินยา
แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ยังคงตัวร้อนเมื่อยาหมดฤทธิ์ มินีกลับบ้านหลังเลิกงานก็พาไปหาหมอเลย
มิคาอิลถือเป็นเด็กที่่มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงมากๆ มิคาอิลป่วยครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาปีที่แล้ว
มาปีนี้ก็ป่วยในเดือนเดียวกัน แล้วก็ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่เหมือนกันเลย ถือเป็นการป่วยประจำปีซะงั้น!
ช่วงที่หาหมอ หมอขอตรวจหาเชื่อไวรัส เพราะช่วงนี้เด็กเป็นกันเยอะ รอผลประมาณ 45 นาที
มิคาอิลก็ติดเชื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009  H5N1 จริงๆ ด้วย โดนค่ายา ค่าหมอไปหลายตังค์
กลับมาบ้าน ก็ต้องป้องกันตัวเอง และคนในบ้านไม่ให้ติดเชื้ไวรัสอจากมิคาอิล
ต้องเลื่อนนัดการทำ MRI ของมิคาอิลออกไปอีก เพราะคนเป็นไข้หวัด ไม่สามารถดมยาได้
แต่มิคาอิลก็แข็งแรงมากนะ ป่วยแค่ 3 วันอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ


 @ เด็กป่วย แต่ยังยิ้มได้ @


@ ป่วยทั้งพ่อทั้งลูก @


18 Mar 2014
ทำงานในวันที่ยุ่งสุดๆ

เป็นวันที่มีไฟล์ทพร้อมๆ กันในหลายๆ สเตชั่น
ทั้งดอนเมืองที่มินีอินชาร์จ อู่ตะเภา เชียงใหม่ สมุย และภูเก็ต
ยุ่งกันมากๆ แต่ทุกคนตั้งใจทำงาน ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดีจริงๆ


 @ Boeing 747SP @


@ I am in charge at DMK @


@ Local Flight บินอุ่นเครื่อง @


20-21 Mar 2014
วันหยุดอยู่บ้านของมิคาอิล

เนื่องจากมิคาอิลป่วย แต่ก็มีอาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ วันหยุดก็ไม่อยากพาเขาไปไหน
กลัวไข้ที่เขาเป็นจะกลับมาเป็นซ้ำ เลยอยู่บ้านเล่นกับลูกและแม่
เย็นๆ ก็พามิคาอิลออกไปเดินนิดหน่อย ถ่ายรูปเล่นไปตามเรื่องตามราว





 @ ป๋มหายป่วยแล้ว @





@ ดอกไม้สวยๆ หน้าบ้าน @


ช่วงค่ำๆ ของคืนวันที่ 20 มีนา น้องแพทที่ไปทำไฟล์ทที่ภูเก็ต
ก็โทรมาบอกว่า มีปัญหากับทางนักบิน เรื่องการจ่ายเงินค่าบริการของเรา
ซึ่งทางนักบินมีปัญหาเยอะมาก บอกว่า เขาไม่เคยรู้เรื่องราคา ทำไมราคาแพง
จนเขาบอกน้องว่าจะคุยกับหัวหน้า จะไม่ยอมคุยกับน้องแพทแล้ว
มินีเลยต้องโทรไปคุย แต่คืนนั้นเขาก็็ไม่ยอมจ่ายท่าเดียว เขาอ้างว่ามีเงินในบัตรเครดิตไม่พอ
เขาอ้างว่าเขาไม่เคยรู้ราคาว่าทำไมที่สมุยถึงได้แพงมาก มินีพยายามอธิบายแล้วว่า
สนามบินสมุยมันแพงยังไง และเป็นสนามบินส่วนตัว ยังไงๆ เขาก็เรียกเก็บแพงมาก
เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้แพงกว่าสนามบินที่ยุโรปเสียอีก
จริงๆ มินีก็ส่งราคาให้ทางเขาได้รู้ก่อนหน้าที่เครื่องเขาจะบินเข้ามานะ แต่นักบินอ้างว่าไม่รู้
ซึ่งมินีก็ไม่สน คุณต้องไปคุยกับคนของคุณ แต่นักบินคนนี้ยังจะกวนอีกนะว่า
เขาไม่คุยกับลูกน้อง เขาเป็นหัวหน้า เขาไม่จำเป็นต้องคุยกับลูกน้องของเขา
มินีเริ่มโมโหแล้วตอบเขาไปว่า เรื่องของคุณ ถ้าคุณไม่คุยกับลูกน้องคุณ ไม่เกี่ยวกับเรา
นักบินถามว่า จะให้เขาทำยังไงได้บ้าง เงินในบัตรเขาไม่พอแน่ๆ
มินีเลยบอกให้เขาจ่ายก่อนส่วนนึง แล้วค่อยมาจ่ายส่วนที่เหลือที่ดอนเมือง 
เพราะวันรุ่งขึ้นเครื่องเขาต้องบินมาดอนเมืองอยู่แล้ว เขาก็โอเคๆ

คืนนั้นเครียดมาก เครียดว่าเขาจะไม่ยอมจ่ายตังค์ เครียดต่างๆนาๆ เลย


 @ อาหารเช้าวันที่ 21 มีนา @

ยังคงเป็นวันหยุดอีกวัน มินีตื่นมาทำอาหารเช้าง่ายๆ ตามปรกติ
แต่ก็เริ่มรู้สึกถึงปัญหาของเครื่องที่จะบินมาดอนเมืองแล้ว
คนที่เป็นออนดิวตี้วันนี้น่าสงสารที่สุด เห็นว่าโดนนักบินคนนี้แดกดัน กวนตีนได้สุดยอด
ตอนนั้น เราร้องขอให้คนที่เป็นผู้ใหญ่ในออฟฟิต ช่วยออกไปพูดกับนักบินหน่อย
แต่ก็ไม่ได้นำพาใดๆ เพราะเขาเก่งแต่ปาก พอถึงเวลาจริงๆ เขาก็ขี้ขลาด ไม่กล้าพูดกับนักบิน
นั่งอยู่แต่ในรถ ไม่ออกไปพูดอะไรกับนักบินเลย มันน่าโมโหมาก เพราะเวลาเขาอยู่ออฟฟิต
ปากดีจริงๆ สอนคนนั้น คนนี้ ให้ทำอย่างนู้น อย่างนี้ เอาเข้าจริงคุณก็ไม่ได้ช่วยอะไร หยุดพูดดีกว่า
ทำให้รู้ได้เลยว่า ตัวเองต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง อย่าไปหวังพึ่งใครเลย
เราบกพร่องตรงไหน รีบจัดการในสิ่งที่เราบกพร่องตรงนั้นซะ! มันคือความจริงที่สุด


24 Mar 2012
Time 3:00AM
กำหนดของไฟล์ทนี้จะต้องบินออกจากดอนเมือง

งานนี้มินีต้องลงไปคุย ไปเจอนักบินเอง จริงๆ ก็ได้มีการโทรคุยแล้วเมื่อช่วงเย็น
พยายามตั้งสติ แล้วค่อยๆ รวบรวมข้อมูล แล้วแจงรายละเอียดถึงค่าใช้จ่ายที่เราได้คิดเขาไป
ณ จุดนี้ มินีอยากไปเรียนภาษาอังกฤษที่เน้น เรื่องเงินๆ ทองๆ ภาษี TAX , VAT everything เลย
ทำให้มินีรู้ว่า เรายังอ่อนมากเรื่องภาษา ที่จะต้องอธิบายให้เขาเข้าใจในเรื่องเงินๆ ทองๆ
เหนื่อยมากๆ ในการคุยกับนักบินคนนี้ มีบ้างตอนนักบินบอกกับมินีว่า I don't understand what you say?
มินีแอบขำกับตัวเอง แล้วคิดในใจว่า มรึงไม่เข้าใจ, กรูเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่กรูพูดเลย 5555+
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็เข้าใจ (ต้องทำให้เขาเข้าใจ) แล้วรับปากที่จะจ่ายตังค์จนครบ


 @ งานนี้คุณทำให้มินีมีถุงใต้ตาเพิ่ม 
จะเก็บค่าอายครีมกับเครื่องตัวนี้เลย หึๆๆ @


@ ทุกอย่างพร้อม @

ตอนเจอหน้านักบิน น้องแพทแนะนำมินีให้นักบินรู้จักว่า บอกว่ามินีเป็น BOSS ของน้องแพท
นักบินคนนี้ก็ไม่วายจะแดกดัน เดินมาทักทายแล้วพูดว่า "Hello Boss" กวนตรีนจริงนะมรึง!
ถึงเวลาเก็บตังค์ นักบินก็ยอมจ่ายด้วยดี แต่ก็มีพูดว่าเขาไม่แฮปปี้กับราคานะ
เลยต้องมานั่งอธิบายกันใหม่ว่าราคานี้ที่สนามบินสมุยเขาเรียกเก็บมา ไม่ใช่ราคาเรา
เราคิดแค่ค่า service ไม่กี่ร้อยเหรียญเองนะ แล้วเครื่องยูก็เปลี่ยนสเก็ตตลอดเวลา
เราแก้ใบอนุญาตให้ก็ไม่ได้ชาร์จอะไรเพิ่มเลยด้วยซ้ำ นักบินก็ยอมจ่ายโดยดี แต่ในใจคงแอบด่าเรา
ก่อนเขาจะบินออก ยังมีมาพูดว่า แล้วเจอกันใหม่นะ (ถามกรูยังว่าอยากเจอแกหรือป่าว?)

คือเหนื่อยมากจริงๆ กับไฟล์ทนี้ไฟล์ทเดียว
การที่จะมาทำงานในแผนกปฏิบัติการบินที่นี่ได้ ต้องทำได้ทุกอย่างจริงๆ
แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเราไม่หนีปัญหา เผชิญกับปัญหาอย่างกล้าหาญและมีสติ
เราก็สามารถคลี่คลายปัญหาไปได้นะ มินีเชื่อแบบนี้ แล้วก็พยายามทำแบบนี้มาตลอด
อะไรที่เป็นจุดอ่อนของเรา ต้องรีบกำจัดจุดอ่อนเราไปซะ ซึ่งตอนนี้มินีก็รู้แล้วว่า
ปัญหาของมินีคือ เรื่องภาษา ที่ต้องใช้ในทำงาน และจะต้องเรียนรู้ภาษาในระดับที่สูงขึ้นอีก
ในเชิงธุรกิจอะไรแบบนี้ ปัจจุบันใช้ภาษาในแบบ Dispatcher
แต่เราลืมนึกไปว่า เราต้องก้าวไปอีกระดับนึง

หลังจากสิ้นสุดไฟล์ทนี้ เราก็สบายใจไปอีกเปราะนึง แต่ก็ต้องยุ่งๆ กับลูก
ช่วงนี้คุณสามีไปเฝ้าคุณพ่อของเขาที่รพ.ที่หาดใหญ่ 
มินีเลยต้องดูแลมิคาอิลกับแม่สองคน หนักก็ตรงที่ต้องพามิคาอิลไปจุฬาฯ
แม่กลัวว่ามินีจะลำบากเลยอาสาไปช่วย แต่มินีต้องพาแม่ไปลำบาก 
เพราะเราไม่สามารถจอดรถได้ที่รพ. ต้องไปจอดที่พารากอน 
แล้วนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีศาลาแดง พาแม่เดินไกล แม่ก็เหนื่อย บ่นว่าเหนื่อย
มินีโครตเครียดเลย ไหนจะแม่ ไหนจะลูก มินีมีเผลอแสดงสีหน้าไม่ดีใส่แม่ด้วย
กลับมาบ้านก็นั่งคิด และสำนึกผิดจริงๆ ที่แม่ไปเพราะแม่อยากช่วย แต่เรามองว่าแม่เป็นภาระ
แม่รู้ว่ามินีไม่สบายใจ เพราะมินีบอกแม่แล้วว่าไม่ต้องไปหรอก มินีไปเองได้
แต่แม่ก็ยืนยันจะไปช่วย แต่กลายว่าเราพาแม่ไปลำบากจนได้
เฮ้อ!! แต่ก็ขอโทษแม่ไปแล้ว สำนึกผิดไปแล้ว
จะพยายามไม่ใช้อารมณ์กับแม่อีกแล้วจริงๆ รู้สึกผิดมากๆ


26-27 Mar 2014



@ มื้อเที่ยงง่ายๆ ในวันหยุด @

เป็นวันหยุดที่นอนมาราธอนมากๆ ทั้งมินีทั้งลูก
เหนื่อยมาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา วันหยุดนี้เลยงดทำกิจกรรมต่างๆ
นอกจากนอนเติมพลังที่ใช้ไปเยอะแยะ ต่างๆนานา สมองจะได้โปร่งๆ

รูปสุดท้ายของมิคาอิล นอนหลับรอปาปากลับบ้าน





ยังไม่มีเวลารวบรวมเรื่องราวตลอด 9 ปีที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขที่ Royal Group เลย
จะพยายามรวบรวมแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะค่ะ






มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ


Sunday, March 16, 2014

@^^ทำพิซซ่าที่บ้านแบบง่ายๆ กันดีกว่า^^Let's Made Homemade Pizza At Home^^@

16 March 2014
Time 16:30LT
@ DMK, Airport
Temp 36C


ผ่านไปอาทิตย์นึง กว่าจะมาอัพเรื่องทำพิซซ่า
อาทิตย์ที่ผ่านมายุ่งๆ กับงาน มีประชุม แล้วก็เรื่องไฟล์ท 
กระหน่ำมาสมุยกันเยอะแยะ มีเรื่องให้วุ่นวายเลยทีเดียว
ไหนจะพาตัวเล็กไปโรงพยาบาลตามนัด และพาไปเจาะเลือดตรวจการทำงานของไต
เพราะวันที่ 19 มีนานี้ มิคาอิลก็ต้องมาทำ MRI ตรวจดูเนื้อสมอง 
หลังจากที่ทำไปล่าสุดเมื่ออายุขวบนึง เมื่อสองปีที่แล้ว 
คราวนี้หมออยากดูว่าเนื้อสมองมิคาอิลจะเป็นอย่างไรบ้าง


9 March 2557

ยังคงเป็นวันแห่งการเข้าครัวอยู่นะค่ะ หลังจากที่ทำอาหารหลายๆ อย่าง
วันนี้อยากลองทำพิซซ่ากินเองดูบ้าง ดูวิธีการทำแล้วไม่น่ายาก 
แต่ก็แอบๆ หวั่นใจว่าจะออกมาเป็นยังไง จะน่ากินมั้ย? 
ตั้งความหวังว่าต้องหน้าตาต้องเหมือน พิซซ่าฮัท 
หรือ พิซซ่าคอมพานีเลยที่เดียว คาดหวังไว้สูงมาก อิอิ

มาดูวิธีการทำดีกว่า พร้อมหรือยังค่ะ?

ขั้นตอนแรก มินีจะทำน้ำซอลพิซซ่า สูตรของคุณ Rins Foodbook ในยูทูปค่ะ


ส่วนผสมดังนี้

1. กระเทียมสับ 4 กลีบ
2. หอมใหญ่สับ 1/2 ลูก
3. มะเขือเทศหั่นลูกเต๋า 3 ลูก 
(สูตรคุณริน ใช้มะเขือเทศในกระป๋อง)
4. ซอสมะเขือเทศเข้มข้น มินีใช้ยี่ห้ออายัม ใช้แค่ 2 ช้อนโต๊ะ
5. ซอสมะเขือเทศ ครึ่งขวดเล็กที่เห็นนะค่ะ
6. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
7. ออริกาโน่นิดหน่อย
8. Bay Leaves ใบกระวาน 2 ใบ
9. เกลือนิดหน่อย
10. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ




















ตั้งหม้อใส่น้ำมันมะกอก ใช้ไฟปานกลาง นำกระเทียมไปผัดจนเหลืองใส่หอมใหญ่ผัดจนสุก
หม้อเน้นต้องมีฝานะค่ะ เพราะเราต้องเคี่ยวน้ำซอสนานพอสมควรเลย


 @ ผัดกระเทียมกับหอมใหญ่ @


 @ ใส่มะเขือเทศที่หั่นเตรียมไว้ @
ผัดจนมะเขือเทศเริ่มสุกและเละๆ ใส่ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 
และซอสมะเขือเทศตามลงไป


 @ ใส่ซอสมะเขือเทศแล้ว @
ปรุงรสด้วยเกลือ และน้ำตาล รสชาดของมันจะออกเปรี้ยวและหวานนะค่ะ
หลังจากนั้นใส่ออริกาโน่ และใบกระวาน แล้วปิดฝาหม้อ เคี่ยวไฟอ่อนๆ 1 ชั่วโมง
แต่มินีเคี่ยวแค่ 1/2 ชั่วโมง ใจร้อน แล้วก็ไม่อยากให้น้ำซอสเละเกินไป








@ เสร็จแล้วน้ำซอสพิซซ่า @

ตอนที่ทำน้ำซอสนี้ แม่ออกมาจากห้องบอกว่าหอมมาก 
เหมือนไปนั่งร้านพิซซ่าเลย แบบว่าหอมมากๆ

พักน้ำซอสพิซซ่าให้เย็นสักครู่ เรามานวลแป้งพิซซ่ากันดีกว่า



ส่วนผสมดังนี้
1. แป้งเค้ก หรือแป้งเอนกประสงค์ก็ได้ค่ะ นีใช้ 1/2 กก.
2. ยีสแห้ง  2 ช้อนชา
3. น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา
4. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ 1 ช้อนชา
6. น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

























ร่อนแป้งให้เรียบร้อย เตรียมปลุกยีสโดยการเอายีสใส่ลงไปในน้ำ 
แล้วเติมน้ำตาลที่เตรียมไว้ แล้วหาพาสติกแรบไว้ น้ำตาลเป็นอาหารของยีส 
ยีนที่ดีจะทำปฏิกริยากับน้ำตาลโดยการฟูฟ่องเลยค่ะ

เมื่อยีสใช้ได้ก็เอามาใส่ในแป้งที่เตรียมไว้ ใส่น้ำมันมะกอกลงไป
น้ำที่เหลือให้ใส่เกลือที่เตรียมไว้ลงไปในน้ำคนให้ละลาย แล้วเอาน้ำเทในแป้ง
ค่อยๆเทนะค่ะ แล้วนวดแป้งไปด้วย อย่าให้แป้งนิ่มหรือแข็งเกินไป
นวดจนแป้งเนียนตามรูปนะค่ะ แล้วเอาผ้าขาวบางเปียกน้ำหมาดๆ มาปิดแป้งไว้


 @ นวดได้ทีแล้ว @


 @ รอให้แป้งขึ้นสัก 30 นาที @


 @ แป้งจะขยายตัวเป็น 3 เท่าเลย อันนี้ใช้ได้แล้ว @


 @ แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วน แล้วเตรียมคลึงแป้ง ขั้นตอนนี้สนุกมากๆ @

แป้งขนาด 1/2 กก. ทำพิซซ่าขนาดกลาง ได้ 4 ถาดเลย มินีใช้ถาดทำพายมาทำ อิอิ
ดัดแปลงๆ เพราะมันเหมาะกับเครื่องอบของมินี มินีใช้เตาอบแบบฝาบนเปิดปิดค่ะ

ขั้นตอนการโรยหน้าพิซซ่าสนุกมากๆ เตรียมอะไรก็ได้ที่เราอยากใส่
ทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ ตามชอบเลยค่ะ สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ชีสค่ะ

มินีทำพิซซ่าขอบชีสด้วย เลยเปลืองชีสนิดนึง แต่ที่บ้านจะชอบมาก
มินีชอบขอบบางธรรมดามากกว่า แต่ก็อร่อยทั้งสองแบบค่ะ





 @ กำลังห่อขอบพิซซ่า ขอบชีส @


 @ ห่อเสร็จแล้ว ราดน้ำซอสที่ทำเตรียมไว้เลย @


 @ โรยหน้าตามด้วยชีส นีใช้มอสซาเรลล่า @


 @ พร้อมอบแล้ว @

เตรียมเตาอบไฟแรง 200-250C อบประมาณ 10-15 นาที
ขณะที่อบพิซซ่าถาดแรก ก็ทำพิซ่าถาดที่สองเตรียมไว้เลย เดี๋ยวตอนกินจะขาดตอน

 @ อบเสร็จแล้ว น่ากินมากๆ @


 @ เตรียมอบถาดที่สองขอบไม่ชีส @


 @ มิคาอิลแฮปปี้มากๆ @
ช่วยมามาทุกขั้นตอน ช่วยยุ่งอ่าค่ะ อิอิอิ


 @ ขอบชีสหนานุ่ม @


 @ ขอบบางก็อร่อย @













เป็นการทำพิซซ่าครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จมากๆ ให้เพื่อนบ้านได้ลองทาน
ก็ชมใหญ่ว่าอร่อยๆ อร่อยกว่าที่ขายตามร้านอีก แป้งนุ่มไม่แข็ง ขนาดมันเย็นแล้วนะ
เพื่อนบ้านอาจจะพูดเกินจริง แต่เขาก็แสดงความจริงใจให้เราเห็นโดยการได้กินต่อหน้าเรา
แล้วก็ชมเชย ดีใจ และขอบคุณเราอย่างจริงใจ แค่นี้เราก็ปลื้มแล้ว
มิตรภาพดีๆ หาได้มีแต่เพียงการให้สิ่งของที่มีราคา 
แต่มิตรภาพดีๆ จะได้มาง่ายๆ จากสิ่งที่เราให้เขาจากใจจริงค่ะ

หลังจากวันเกิดเราปีที่ 34 ผ่านไป ทุกอย่างเป็นไปอย่างปรกติ ไม่มีการฉลองใดๆ
แต่กลับยุ่งกับลูก เพราะมัวแต่คิดจะทำนู้นทำนี้ด้วยกันกับครอบครัว ซึ่งมีความสุขมากๆ

และงานช่วงนี้ก็ยุ่งเหลือเกิน ทั้งประชุม ทั้งไฟล์ท ระดมกันมาช่วงนี้หมด



11 March  2014
ประชุมกับวิทยุการบิน เรื่องข้อตกลงการบินฝึก VFR ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง
ประชุมไม่เครียด พี่ๆที่วิทยุการบินก็รู้จักกันเกือบหมดทุกคน
ที่สำคัญ หลังประชุมก็เลี้ยงอาหารอร่อยๆ ที่โรงแรมอมารีแอร์พอร์ทด้วย 


 @ Transition Point VFR @


 @ ซูชิแสนอร่อย สัดไปเยอะเลย @


 @ ตบด้วยของหวาน @

หลังจากประชุมเสร็จ ก็ต้องพามิคาอิลไปจุฬาเข้ากลุ่มตามเคย
เอารถไปจอดที่พารากอน แล้วนั่งรถไฟฟ้าไปจุฬา เพราะที่จอดรถตรงสวนลุมปิด
มีการชุมนุมอยู่ตรงนั้นพอดี เดินทางกับรถไฟฟ้าก็สะดวกดีเหมือนกันนะค่ะ





@ Happy Day @

วันนี้ที่กลุ่มส่งเสริมพัฒนาการของมิคาอิล 
คุณครูเห็นถึงพัฒนาการของมิคาอิลที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
มิคาอิลยืนโชว์ให้คุณครูดูนานมากๆ คุณครูพอใจมาก
คุณครูแนะนำให้ฝึกมิคาอิลเดินแล้วก็หยุด 
หรือหาของให้มิคาอิลเดินไปหยิบแล้วเอามาให้พ่อกับแม่
เป็นการช่วยให้เขาเดินแล้วสามารถหยุดเองได้ ไม่ใช่เดินแบบเร็วๆ แล้วหยุดไม่ได้

คุณครูจะส่งมิคาอิลไปเรียนที่ราชานุกูล แล้วถ้ามิคาอิลเดินได้เก่งขึ้นก็จะส่งไปที่โรงเรียน
"ศูนย์การศึกษาพิเศษ ตรงดินแดง" เย้ๆๆ มิคาอิลจะได้ไปโรงเรียนแล้ว



เอนทรี่นี้ยาวมาก รูปก็เยอะ ไปแล้วนะค่ะ

มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ