Time 22:00LT
@ Neo City Village
Temp 22C
25 Jan 2014
ขับรถกินลม สูดอากาศบริสุทธิ์ ณ เขาใหญ่
ถือเป็นทริปที่ต้อนรับคุณแม่ที่เดินทางกลับมากรุงเทพฯ
จริงๆ แล้ว ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาครอบครัวของเราไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย
มินีเองก็ได้หยุดตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ด้วย เลยหาโอกาสไปเที่ยวด้วยกันซะเลย!
ทริปนี้มาลงเอยที่ เขาใหญ่ เพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก ตั้งใจจะไปเช้าเย็นกลับ
ก่อนไปก็เปิดดูในอินเตอร์เน็ตมาบ้างว่าที่เขาใหญ่มีอะไรน่าสนใจบ้าง
แต่ด้วยทริปนี้ตั้งใจจะขับรถกินลม ชมวิวสวยๆ ไม่มีกิจกรรมอะไรที่จะทำเป็นพิเศษ
เลยดูสถานที่ที่มีวิวสวยๆ ถ่ายภาพสวยๆ อากาศดีๆ คนไม่พลุพล่านมาก
สรุปเรามากันที่ PRIMO POSTO เขาใหญ่
@ เดินทางมุ่งสู่เขาใหญ่ @
แม่เตรียมขนมกินระหว่างทางที่เดินทางไปเขาใหญ่
กลัวว่ามิคาอิลจะหิว เลยทำวาฟเฟิล กับกล้วยต้มติดรถไปด้วย
เราเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทาง พหลโยธิน รังสิต เส้นทางสายที่ 1 สระบุรี
แล้วเลี้ยวขาวเขาเส้นทางสายที่ 2 มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร
เดินทางออกจากบ้านประมาณเก้าโมงกว่า ตอนแรกจะออกเช้าๆ
แต่มินีไปปั่นจักรยานกับสามีกันก่อน เลยเสียเวลาไปนิดหน่อย
@ Guide Map @
ระหว่างทางมีก๊วนเวสป้าขับมาเป็นกลุ่มใหญ่เลย ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย พวกเขาเท่ห์มากๆ
@ ก๊วนเวสป้า @
ระหว่างทางเข้าไปสระบุรี ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ตั้งใจอยากทานสเต็กมาก
เพราะมาเที่ยวครั้งนี้ตั้งใจทานสเต็กอร่อยๆ ให้เข้ากับบรรยากาศ
แต่ปัญหาคือ จะมีร้านอาหารมุสลิมที่ทำสเต็กขายมั้ยหน่า???
และแล้วมินีเห็นป้ายร้านอาหารอิสลามที่ขายสเต็กเนื้อ สเต็กไก่ และสเต็กปลา
ร้านอาหารชื่อ "ร้านอาหารมุสลิมอาย๊ะ" รีบบอกให้สามีขับรถชิดซ้ายเลี้ยวเข้าร้านเลย
แม่ถามว่า จะกินข้าวแล้วหรอ มินีก็ตอบไปว่า ใช่สิ ทริปนี้ เราเน้นกิน เที่ยว ไม่เน้นช๊อปปิ้งนะ !!
ร้านนี้ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง มินีสั่งสเต็กเนื้อพริกไทยดำคนละจานกับสามี
แม่สั่งข้าวหมกแพะ ส่วนของมิคาอิล มินีสั่งข้าวผัดกุ้ง
สเต็กอร่อยมาก ข้าวหมกแพะของแม่ก็อร่อย แพะนุ่นลิ้นเชียว
ทางร้านมีห้องละหมาดรองรับอย่างดี มีทัวร์มุสลิมมาลงที่นี่อย่างหนาตา
@ สเต็กเนื้อพริกไทยดำ @
@ แม่สั่งข้าวหมกแพะ @
หลังจากทานอาหาร รอละหมาดเสร็จเรียบร้อย ก็ขับรถตระเวรหาสถานที่เที่ยว
โดยเลี้ยวขวาไปทางถนนธนะรัชต์ มีที่ให้แวะเที่ยวเยอะแยะเลย
แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ละที่ มีคนเยอะมาก
อย่างเช่น PALIO มินีเคยมาเที่ยวแล้วเมื่อปี 2011 สวยนะ แต่คนเยอะ
จะถ่ายรูปแต่ละทีก็ติดวิวคน วิวสวยๆ ไม่ค่อยจะติด ตัดสินใจไม่แวะ
แต่ขับรถมุ่งหน้าไป PRIMO POSTO แทน วิวภูเขาสวยมาก คนน้อย
แต่ต้องเสียค่าบัตร 100 บาทต่อคน เด็ก 50 บาท ยังไงก็ยอม
เพราะทริปนี้คือ มาเอาบรรยากาศ ชมวิวสวยๆ อย่างที่ตั้งใจ
อากาศที่นี่ดีมาก ตอนแรกคิดว่าจะหนาว แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่หนาวเลย
แดดร้อน แต่แอบมีลมหนาวนิดๆ ให้สดชื่น
@ ทางไป PRIMO POSTO @
มาถึงแล้ว PRIMO POSTO สร้างมาเหมือนอยู่ที่อิตาลีชัดๆ
ลงมาจากรถ ตะลึงกับวิวที่สวยมากๆ บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย
อาคารที่เขาสร้างมาเหมือนเรากำลังยืนอยู่เมืองนอก ไม่ใช่ประเทศไทยเลยอ่า
@ วิวข้างนอกก่อนถึงทางเข้า PRIMO POSTO สวยมากๆ @
นอกจากระหว่างทางได้เจอก๊วนเวสป้าแล้ว
มาถึงที่ PRIMO POSTO ก็ได้เจอคาราวาน DUCATI
ร่วมกว่าร้อยคัน คิดถึงพี่ชายขึ้นมาทันทีเลย
@ คาราวาน DUCATI @
เสียบัตรค่าเข้าเรียบร้อย ก็เตรียมกล้องถ่ายรูปให้กับนางแบบกิติมศักดิ์กันเลย
รูปคุณแม่เยอะมาก แต่ก็ตั้งใจถ่ายคุณแม่นั้นแหละ ชียิ้มชอบใจ สบายใจเขาล่ะ
เพราะคุณแม่เป็นคนชอบถ่ายรูปมากๆ รูปที่อัลบัมที่บ้าน มีแต่รูปคุณแม่ทั้งนั้น
เข้ามาข้างใน ก็จะมีร้านอาหาร Cafe' อยู่แต่สองสามร้าน มีร้านขายของที่ระลึกอยู่โซนหน้าสุด
เดินเข้าไปแล้วทำให้หวนคิดถึงเมือง Lund ที่สวีเดน ลักษณะบ้านเรือนเขาเป็นแบบนี้เลย
เดินไปจนถึงด้านหลังของตัวอาคาร มีคอกเลี้ยงแกะเมอริโน สายพันธุ์จากตุรกี อูฐอัลปาก้า และลา
ขนสะอาดสะอ้าน หน้ารักเชียว พามิคาอิลไปดู แต่คุณชายเธอกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
มิคาอิลเป็นเด็กไม่ชอบอะไรที่เป็นขนๆ ตุ๊กตาขนๆ ก็ไม่ชอบ กลัวแบบจริงจังมาก
@ คอกเลี้ยงสัตว์ @
@ พ่อลูกเล่นกัน @
@ อูฐอัลปาก้า @
@ แกะเมอริโน @
@ แกะเมอริโน @
@ ป๋มไม่ชอบสัตว์มีขน @
หลังจากดูสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ ช่วงเย็นๆ เขาจะปล่อยให้แกะกับอูฐ ออกจากคอก
ไปกินหญ้าที่สนาม เดี๋ยวเราจะกลับไปดูสัตว์น่ารักๆ นี้ใหม่
ตอนนี้เริ่มรู้สึกร้อน เลยพาแม่และลูกไปนั่งคาเฟ่กินขนมอร่อยๆ กันก่อน
ภายในร้านคาเฟ่ ก็อนุญาตให้คนเข้ามาถ่ายรูปได้เช่นกัน จัดร้านได้เก๋ๆ มากๆ
@ ภายในคาเฟ่ @
@ มีแต่คนทักว่าผอม @
ใครอยากรู้เคล็ดลับ คุยกันหลังไมค์ได้นะค่ะ
ทานเสร็จ ออกมารับบรรยากาศบริสุทธิ์กันต่อ
มีที่นั่งให้นั่งพักผ่อนสบายๆ เราต้องนั่งนานๆ เพราะเสียค่าเข้ามาแล้วตั้ง 300 บาท
(คนละ 100 บาท) เลยต้องอยู่ให้คุ้มสักหน่อย
@ ได้เวลาออกมากินหญ้านอกคอกแล้ว @
4 โมงเย็นเศษๆ ก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ก่อนกลับแวะทางเข้าไปเขาใหญ่ก่อน แวะหาซื้อองุ่นหวานๆ กลับบ้าน
@ ได้องุ่นหวานมากินเล่น @
แล้วก็แวะซื้อกะหรี่พัฟที่สระบุรีอีกที่
จบทริปแบบเหนื่อยๆ แต่ก็มีความสุข
ได้ถ่ายรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่มินีชอบ (แม้จะทำออกมาไม่ดี)
ได้พาแม่เที่ยว แม่ดูมีความสุขมากๆ มิคาอิลก็มีความสุข
และประทับใจกับสถานที่มากๆ เช่นกัน
ประทับใจตรงที่คนไทยได้เนรมิตเมืองไทยให้เป็นโลกฝั่งตะวันตกได้
แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้ากรุงเทพฯ ได้เนรมิตเป็นเมืองกรุงเก่า
แบบที่เป็นเอกลักษ์ไทยๆ คงจะดีไม่น้อย อย่างน้อยๆ ก็จะมีคนแบบเรานี้แหละไปเที่ยวชม
มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ
แล้วเลี้ยวขาวเขาเส้นทางสายที่ 2 มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร
เดินทางออกจากบ้านประมาณเก้าโมงกว่า ตอนแรกจะออกเช้าๆ
แต่มินีไปปั่นจักรยานกับสามีกันก่อน เลยเสียเวลาไปนิดหน่อย
ระหว่างทางมีก๊วนเวสป้าขับมาเป็นกลุ่มใหญ่เลย ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย พวกเขาเท่ห์มากๆ
ระหว่างทางเข้าไปสระบุรี ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ตั้งใจอยากทานสเต็กมาก
เพราะมาเที่ยวครั้งนี้ตั้งใจทานสเต็กอร่อยๆ ให้เข้ากับบรรยากาศ
แต่ปัญหาคือ จะมีร้านอาหารมุสลิมที่ทำสเต็กขายมั้ยหน่า???
และแล้วมินีเห็นป้ายร้านอาหารอิสลามที่ขายสเต็กเนื้อ สเต็กไก่ และสเต็กปลา
ร้านอาหารชื่อ "ร้านอาหารมุสลิมอาย๊ะ" รีบบอกให้สามีขับรถชิดซ้ายเลี้ยวเข้าร้านเลย
แม่ถามว่า จะกินข้าวแล้วหรอ มินีก็ตอบไปว่า ใช่สิ ทริปนี้ เราเน้นกิน เที่ยว ไม่เน้นช๊อปปิ้งนะ !!
ร้านนี้ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง มินีสั่งสเต็กเนื้อพริกไทยดำคนละจานกับสามี
แม่สั่งข้าวหมกแพะ ส่วนของมิคาอิล มินีสั่งข้าวผัดกุ้ง
สเต็กอร่อยมาก ข้าวหมกแพะของแม่ก็อร่อย แพะนุ่นลิ้นเชียว
ทางร้านมีห้องละหมาดรองรับอย่างดี มีทัวร์มุสลิมมาลงที่นี่อย่างหนาตา
หลังจากทานอาหาร รอละหมาดเสร็จเรียบร้อย ก็ขับรถตระเวรหาสถานที่เที่ยว
โดยเลี้ยวขวาไปทางถนนธนะรัชต์ มีที่ให้แวะเที่ยวเยอะแยะเลย
แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ละที่ มีคนเยอะมาก
อย่างเช่น PALIO มินีเคยมาเที่ยวแล้วเมื่อปี 2011 สวยนะ แต่คนเยอะ
จะถ่ายรูปแต่ละทีก็ติดวิวคน วิวสวยๆ ไม่ค่อยจะติด ตัดสินใจไม่แวะ
แต่ขับรถมุ่งหน้าไป PRIMO POSTO แทน วิวภูเขาสวยมาก คนน้อย
แต่ต้องเสียค่าบัตร 100 บาทต่อคน เด็ก 50 บาท ยังไงก็ยอม
เพราะทริปนี้คือ มาเอาบรรยากาศ ชมวิวสวยๆ อย่างที่ตั้งใจ
อากาศที่นี่ดีมาก ตอนแรกคิดว่าจะหนาว แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่หนาวเลย
แดดร้อน แต่แอบมีลมหนาวนิดๆ ให้สดชื่น
มาถึงแล้ว PRIMO POSTO สร้างมาเหมือนอยู่ที่อิตาลีชัดๆ
ลงมาจากรถ ตะลึงกับวิวที่สวยมากๆ บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย
อาคารที่เขาสร้างมาเหมือนเรากำลังยืนอยู่เมืองนอก ไม่ใช่ประเทศไทยเลยอ่า
นอกจากระหว่างทางได้เจอก๊วนเวสป้าแล้ว
มาถึงที่ PRIMO POSTO ก็ได้เจอคาราวาน DUCATI
ร่วมกว่าร้อยคัน คิดถึงพี่ชายขึ้นมาทันทีเลย
เสียบัตรค่าเข้าเรียบร้อย ก็เตรียมกล้องถ่ายรูปให้กับนางแบบกิติมศักดิ์กันเลย
รูปคุณแม่เยอะมาก แต่ก็ตั้งใจถ่ายคุณแม่นั้นแหละ ชียิ้มชอบใจ สบายใจเขาล่ะ
เพราะคุณแม่เป็นคนชอบถ่ายรูปมากๆ รูปที่อัลบัมที่บ้าน มีแต่รูปคุณแม่ทั้งนั้น
เข้ามาข้างใน ก็จะมีร้านอาหาร Cafe' อยู่แต่สองสามร้าน มีร้านขายของที่ระลึกอยู่โซนหน้าสุด
เดินเข้าไปแล้วทำให้หวนคิดถึงเมือง Lund ที่สวีเดน ลักษณะบ้านเรือนเขาเป็นแบบนี้เลย
เดินไปจนถึงด้านหลังของตัวอาคาร มีคอกเลี้ยงแกะเมอริโน สายพันธุ์จากตุรกี อูฐอัลปาก้า และลา
ขนสะอาดสะอ้าน หน้ารักเชียว พามิคาอิลไปดู แต่คุณชายเธอกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
มิคาอิลเป็นเด็กไม่ชอบอะไรที่เป็นขนๆ ตุ๊กตาขนๆ ก็ไม่ชอบ กลัวแบบจริงจังมาก
หลังจากดูสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ ช่วงเย็นๆ เขาจะปล่อยให้แกะกับอูฐ ออกจากคอก
ไปกินหญ้าที่สนาม เดี๋ยวเราจะกลับไปดูสัตว์น่ารักๆ นี้ใหม่
ตอนนี้เริ่มรู้สึกร้อน เลยพาแม่และลูกไปนั่งคาเฟ่กินขนมอร่อยๆ กันก่อน
ภายในร้านคาเฟ่ ก็อนุญาตให้คนเข้ามาถ่ายรูปได้เช่นกัน จัดร้านได้เก๋ๆ มากๆ
ใครอยากรู้เคล็ดลับ คุยกันหลังไมค์ได้นะค่ะ
ทานเสร็จ ออกมารับบรรยากาศบริสุทธิ์กันต่อ
มีที่นั่งให้นั่งพักผ่อนสบายๆ เราต้องนั่งนานๆ เพราะเสียค่าเข้ามาแล้วตั้ง 300 บาท
(คนละ 100 บาท) เลยต้องอยู่ให้คุ้มสักหน่อย
มีนางแบบอีกหลายนางสวยๆ ที่รอให้มินีถ่ายภาพ เช่น เหล่านางแบบดอกไม้นี้
4 โมงเย็นเศษๆ ก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ก่อนกลับแวะทางเข้าไปเขาใหญ่ก่อน แวะหาซื้อองุ่นหวานๆ กลับบ้าน
แล้วก็แวะซื้อกะหรี่พัฟที่สระบุรีอีกที่
จบทริปแบบเหนื่อยๆ แต่ก็มีความสุข
ได้ถ่ายรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่มินีชอบ (แม้จะทำออกมาไม่ดี)
ได้พาแม่เที่ยว แม่ดูมีความสุขมากๆ มิคาอิลก็มีความสุข
และประทับใจกับสถานที่มากๆ เช่นกัน
ประทับใจตรงที่คนไทยได้เนรมิตเมืองไทยให้เป็นโลกฝั่งตะวันตกได้
แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้ากรุงเทพฯ ได้เนรมิตเป็นเมืองกรุงเก่า
แบบที่เป็นเอกลักษ์ไทยๆ คงจะดีไม่น้อย อย่างน้อยๆ ก็จะมีคนแบบเรานี้แหละไปเที่ยวชม
มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ
