Time 13:30LT
@ FlyawayMinee's House
Temp 31C, Cloudy
เอนทรี่นี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ของการทำงานกับไฟล์ท
ที่ถือว่าเป็นไฟล์ทหินสุดๆ อีกไฟล์ทนึงที่เคยทำมา
มีความเยอะ มีความวุ่นวาย มีความสับสน มีความกังวล
และมีความหลายต่อหลายอย่างจนทำให้
พลังกาย พลังใจของมินีถูกดึงใช้จนหมดตัว
11 May 2016
แรกเริ่ม ทางฝ่ายฯได้รับอีเมล์จากลูกค้าประจำว่าจะมี VVIP ด้วยเครื่อง B737BBJ
บินเข้ามาดอนเมือง แต่ด้วยความที่ VVIP เป็นราชวงค์ของ UAE ในสาย 7 ลำดับ
เลยมีการเปลี่ยนเครื่องบินเป็น B787 Dreamliner เปลี่ยน Operator ใหม่ด้วย
เพื่อให้สมกับพระเกีรยติ ต่อมาทางมินีได้ทราบที่หลังว่า ลูกค้าประจำของเรานั้น
เพื่อให้สมกับพระเกีรยติ ต่อมาทางมินีได้ทราบที่หลังว่า ลูกค้าประจำของเรานั้น
ที่เราคิดว่าเขาคือที่สุดของเครื่องบินสายเจ้า แต่จริงๆแล้ว เขายังเป็นแค่บริษัทลูกเท่านั้น
ของเครื่องที่กำลังจะบินมา แล้วให้ทางทีม Ops ของเราได้ให้บริการ
เรามีระยะเวลาในการเตรียมงานไม่มาก เพราะข้อมูลที่ได้มาไม่ครบถ้วน และผิดเพี้ยนไปมาก
แต่ก็พยายามกันสุดฝีมือ เพื่อให้ได้ Slot ที่จอด และ landing Permission
งานที่ค่อนข้างหนักใจ คือ การประสานงานของหน่วยงานรัฐ
เพราะพระองค์เสด็จมาในนามของแขกรัฐบาลไทย
ทีมของเราต้องประสานงานกับทุกด้าน เพื่อให้งานออกมาให้ราบรื่นที่สุด
แค่ขั้นตอนการประสานงานก็ดึงพลังงานของทีมเราไปแล้ว 50%
อยากจะบอกว่า ทีมเรามีกำลังใจที่ดีเยี่ยมมากจริงๆ
ไม่งั้นงานคงพังตั้งแต่เครื่องบินยังไม่บินเข้ามาแล้ว
ในวันที่เครื่องจะบินเข้ามา ทีมเราบรีฟกันจนรู้ว่าใครอยู่ตำแหน่งอะไร ทำหน้าทีอะไร
แต่ความวุ่นวายมักเกิดขึ้น แม้เราจะเตรียมงานมาดีแล้วก็ตาม สิ่งสำคัญคือ
"สติ" ที่ต้องมีอย่างมากในการทำงาน
@ เครื่องบิน Taxi มาที่หลุดจอด @
@ วันนี้ประจำข้างเครื่อง ดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้างล่าง @
ปัญหาใหญ่ของการเดินทางของผู้โดยสารระดับ VVIP คือ สัมภาระ
คือ นอกจากจะเยอะมากกว่าปรกติแล้ว คนติดตามที่ต้องดูแลเรื่องกระเป๋า
เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ คือ สุดยอดของความเรื่องเยอะ ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้
ต้องแยกส่วนกระเป๋า ห้ามสับเปลี่ยน ใบไหนไปก่อนไปหลัง และต้องทำในเวลาที่จำกัด
คือ กระเป๋ามาเกือบ 300 ใบ แต่ผู้โดยสารแค่ 40 กว่าคนเท่านั้น
มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย ตัวลูกเรือ ก็พยายามเรื่องเยอะกับทีมของเรา
ก็ค่อยๆ แก้ไปที่ละอย่าง ไม่มีอะไรได้ดังใจ เพราะใจคนเราร้อนเกินกว่า
ความสามารถของสองมือเราที่กำลังทำงานอย่างเร่งรีบอยู่แล้ว
กว่าจะเคลียร์งานจนเสร็จสิ้นก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว คืนนั้นไม่ได้ทานข้าวเลย
เหนื่อยมาก หลังทำงาน คุยกับน้องๆพี่ๆในทีมว่า
ข้างบนตอนผู้โดยสารลงจากเครื่องเป็นอย่างไรบ้าง
สรุปคือ ข้างบนก็ค่อนข้างวุ่นวายเช่นกัน แต่วุ่นวายกับคนที่มารับนะ
ตัวผู้โดยสารเองไม่ได้มีอะไรให้วุ่นวายมาก
12 May 2016
ลูกเรือแจ้งว่าจะมาที่เครื่อง เพื่อมาดูความเรียบร้อย
และจะโหลดกระเป๋าบ้างส่วนมาไว้ที่เครื่อง
สรุปแล้ว ไม่ใช่แค่บางส่วน แต่มันคือกระเป๋าทั้งหมดที่ลงเมื่อคืน
OMG
คือ อัลไลค่ะ มีการสับขาหลอกกันวุ่นวายมาก มีการแจ้งว่า เครื่องจะไปภูเก็ตด้วย
ทั้งๆที่แผนที่ส่งมาไม่ได้แจ้งไว้ เปลี่ยนสลอท เปลี่ยนเปอมิตกันวุ่นวายเลย
ส่วนกระเป๋าที่จะมาโหลด มีเจ้าหน้าที่ Security ประจำเครื่องมาดูการ x-ray ทุกใบ
คือเมื่อคืนก็ช่วยยกกระเป๋าจนปวดแขน คืนนี้อีกคืนหรอที่ต้องยก
รู้สึกว่าตัวเองเป็นกรรมกรมากเลยชีวิตนี้
คือ ไม่มีใครคิดหรอกว่าเป็น Flight Dispatcher ที่นี่แล้วต้องมาทำอะไนแบบนี้
แต่....สิ่งที่เราได้ทำมากกว่าที่อื่นๆ คือสิ่งที่สอนให้เราได้เรียนรู้งานจริงๆ
สอนให้เรารู้จักการมีน้ำใจ รู้จักคำว่าทีมเวิร์ด
และนี้คือข้อดีของการทำงานในบริษัทเล็กๆ แบบนี้แหละ
และนี้คือข้อดีของการทำงานในบริษัทเล็กๆ แบบนี้แหละ
@ เราเหนื่อย แต่ก็ยังยิ้มได้ @
14 May 2016
เช้าวันนี้เครื่องจะบินไปภูเก็ต มีทีมที่ภูเก็ตเตรียมรอทำไฟล์ท
ที่ดอนเมืองมีมินีกับพี่ไก่ ที่ดอนเมืองไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก เพราะบินเครื่องเปล่าไม่มีผู้โดยสาร
แต่ที่จะยุ่งก็ตรงลูกเรือนี่แหละ เริ่มจากลงจากรถบัสที่ส่งมาส่งเทอมินอล 2 ท่าดอนเมือง
ลงมานี่ก็ด่าเลย ว่าทำไมไม่ไปใช้อาคารโดยสารส่วนตัว เครื่องเขาเป็น VIP นะ มาทำแบบนี้ได้ไง
เขาจะเขียนรีพอร์ต มินีพยายามอธิบายแล้วว่า ในเมื่อไม่มีผู้โดยสาร
และอาคารโดยสารส่วนตัว อยู่ในความดูแลของบริษัทนึง ไม่ใช่ของท่าอากาศยาน
มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ใช้อาคารนี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะช้า เพราะมีทีมเราดูแลไปจนถึงเครื่อง
พี่แกก็โวยวายไม่ยอมท่าเดียว พูดคำเดียวว่าจะเขียนรีพอร์ต จนมินีต้องสะกิดเขาบอกใจเย็นๆนะ
แต่เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยค่ะ? พอพวกเราเข้าไปในเกท เท่านั้นแหละ ตื่นตาตื่นใจกับร้านค้าในเกท
คือ ตามใครไม่ได้เลย ต่างคนต่างชอปปิ้งกันอย่างเมามันส์มาก ต้องตามตัว ให้ไปที่เครื่องได้แล้ว
ส่วนมินีไปรอที่เครื่องก่อนหน้านี่แล้ว พยายามวอถามพี่ไก่ว่าออกจากเกทหรือยัง พี่ไก่บอกว่ายังรอลูกเรือชอปปิ้งกันยังไม่เสร็จเลย เออ!! ให้มันได้อย่างงี้สิ!! ตอนแรกบอกจะเขียนรีพอร์ต คงลืมไปแล้วเนอะ...
@ B787 Dreamliner @
@ ทุกอย่างพร้อมที่เครื่องแล้ว @
ลูกเรือทั้งหมดมาถึงเครื่อง ก็จัดการทุกอย่างทั้งเติมน้ำมัน ทำน้ำ ส้วม
ส่วนมินีก็ขึ้นไปเก็บตังค์กับนักบิน ทุกอย่างเสร็จไว้มาก
ทีมเราเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่อยากให้เขาต้องมาบ่น
จนเขาลืมโกรธมินีเรื่องอาคารโดยสารส่วนตัวเลย 555+
จริงๆ มินีเคยผ่านเรื่องวุ่นวายแบบนี้มาค่อนข้างเยอะมากๆ
ตลอดระยะเวลาที่ทำไฟล์ทแบบนี้ มักจะเจออะไรลักษณะแบบนี้ตลอด
แต่ต่างตรงเวลา และวุฒิภาวะของมินีในแต่ละช่วงวัย
ช่วงแรกนี่ดิ้นพล่านเลยนะ ทำอะไรไม่ถูก โดนด่าแล้วนอยด์มาก
หลังๆ พอเราโตขึ้น เรานิ่งขึ้น มีสติมากขึ้น แก้ปัญหาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
จนบางทีก็ยังงงกับตัวเองว่า เรานิ่งแบบนี้ได้ยังไง
เพราะใครๆที่รู้จักมินี จะรู้ว่าเราใจร้อนมาก
@ ทีมแอร์โฮสเตรน่ารักมาก @
@ เครื่องถอย งานใกล้จบล่ะ @
ตอนนี้พลังงานในตัวเหลือ 10%
@ ของที่ลูกเรือให้มา อินทผาลัม อร่อยมากๆ @
กลับถึงบ้านพลังงานหมด แอบหลับไปชม.นึงหลังทำไฟล์ทเสร็จ
ตื่นขึ้นมา ชวนฝาชีไปดินเนอร์ปิ้งย่างบ้างเล็กน้อย เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ในตัวให้เต็ม
นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ออกเดทกันสองต่อสองแบบนี้
ช่วงนี้ลูกกลับไปอยู่ใต้ เราสองคนเลยเหมือนคู่รักสดๆร้อนๆไปเลย
แต่ก็เหงามากเลยที่มิอิลไม่อยู่แบบนี้
@ Our Sweet and Hot Dinner...hahaha@
ตอนนี้ก็จะพยายามสร้างทีมให้เข้มแข็ง น้องเก่าจากไป น้องใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่
มินีคงสอนให้น้องเก่งไม่ได้ ถ้าตัวน้องๆไม่พยายามเรียนรู้งานด้วยตัวเอง
งานทุกงานที่โรยัลฯ มีประสบการณ์ให้ตักตวง ใครทำเยอะ คนนั้นก็จะได้เยอะ
มินีสังเกตจากหลายๆคนที่เคยผ่านงานที่นี่ ไปเริ่มที่ใหม่ได้ดีมากๆ เกือบทุกคน
หลังจากนี้มินีเองคงออกไปทำไฟล์ทน้อยลง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัท
ที่จะให้มินีทำงานด้านวางแผนมากขึ้น แต่มินีพยายามจะถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเอง
ให้น้องๆให้มากที่สุด แต่บางทีก็อดใจไม่ไหว
อยากลงไปอยู่ใต้ปีกเครื่องบิน เพราะมินีโตมากับการอยู่ใต้ปีกจริงๆ
ให้น้องๆให้มากที่สุด แต่บางทีก็อดใจไม่ไหว
อยากลงไปอยู่ใต้ปีกเครื่องบิน เพราะมินีโตมากับการอยู่ใต้ปีกจริงๆ
มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ