iTime

Saturday, June 28, 2014

@^^ข่าวดีจากผลการตรวจตาของมิคาอิล + ทำขนมโดนัทสเปนกินเองที่บ้าน^^Got A Good News + How To Make Churros At Home^^@

28 June 2014
Time 12:00LT
@ Bangkok, Thailand
Temp 30C

20-23 June 2014
มีหลานมาเยือนที่บ้าน

เป็นอีกช่วงเวลานึงที่มิคาอิลมีความสุข
เพราะเขาจะชอบให้คนมาที่บ้าน มาเล่นกับเขา เขาจะมีความสุขมาก
ครั้งนี้น้องไอมี่ หลานสาวของคุณสามีขึ้นมาสอบไปรษณีย์ และมาเที่ยวกทมฯด้วย
ไอมี่มาถึงก็ถามมิคาอิลว่าพี่ชื่ออะไร มิคาอิลยังจำชื่อพี่ไอมี่ได้ขึ้นใจ
ตอบมามาว่า พี่ชื่อ "กะห์อ้วน" (พี่อ้วน) อิอิ แสบจริงๆ จะเรียกชื่อดีๆ ก็ไม่ยอม
ไอมี่มารอบนี้ ดูเหมือนจะลิสรายการอาหารที่อยากกินเตรียมพร้อมเลย
ทั้งซูชิ ทั้งพิซซ่า และสปาเก็ตตี้ ได้กินครบหมดเลย


@ พิซซ่าขอบชีส @


@ พิซซ่าขอบบาง @


@ มิคาอิลภูมิใจเสนอสลัด @

มื้อนี้มีหลานชายของคุณสามีอีกคนมานอนค้างที่บ้าน
ทำให้บ้านคึกคัก มิคาอิลก็คึกคัก แต่พอพี่ๆ กลับ มิคาอิลก็เหงาเศร้าเลย



24 June 2014
วันนี้มีนัดพบหมอตา

นัดตรวจตาวันนี้ หลังจากที่เลื่อนนัดไปเพราะต้องเดินทางไปเมลเบิร์น
พบหมอช่วงบ่าย นั่งรอไม่นาน หมอก็เรียกไปพบ
หมอตรวจสายตามิคาอิลข้างซ้าย (ข้างที่ปรกติ) 
คล้ายกับตรวจสายตาสั้นยาวทั่วไป
มีรูปภาพต่างๆ ให้มิคาอิลดู หมอทำภาพให้เล็ก ใหญ่สลับกัน
เพื่อจะดูว่ามิคาอิลมองเห็นมั้ย ตอบถูกต้องหรือป่าว?
ช่วงแรก มิคาอิลก็อายคุณหมอ ไม่ยอมตอบ เอามือปิดหน้าปิดตาตลอด
พอสักพัก เริ่มคุ้นกับคุณหมอ ตอบได้หมด บ้างรูปมิคาอิลยังไม่รู้จัก เช่น
ขนมเค้ก มิคาอิลก็จะตอบโดยทำท่าเป่าเทียนเค้ก เป็นอันรู้กันว่ามันคือ เค้ก

คุณหมอสรุปผลการตรวจวันนี้ คือ
ตาข้างซ้ายของมิคาอิลปรกติดีมาก ไม่มีอะไรน่าห่วง
แต่ตาข้างขวาคุณหมอก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะใช้งานได้ 
คุณหมอบอกให้เราพยายามดูแลรักษาตาข้างซ้ายของเขาให้ดีๆ

มินีคำถามคุณหมออยู่ข้อนึง คือ 
อจ.หมอเคยบอกว่า ถ้าตาข้างขวาของมิคาอิลมองไม่เห็น 
คุณหมออาจจะผ่าตัดใส่ตาปลอมให้กับมิคาอิล
เพื่อเป็นการรักษาโครงสร้างหน้ามิคาอิลไม่ให้เบี้ยว 
เนื่องจากตาขวาไม่มีการเจริญเติบโต

คำตอบที่คุณหมอให้วันนั้น ทำให้มินีชื่นใจมาก คือ 
มิคาอิลเคยทำการตรวจตากับเครื่องสแกนคลื่นสมองคอมพิวเตอร์มา 2 ครั้ง 
ผล คือ ตาขวาของมิคาอิลสามารถอ่านค่าการมองเห็นได้ 
คุณหมอบอกว่า มันอาจจะมองเห็นแค่แสง แต่นั้นก็หมายความว่า ตาของเขายังเห็นแสง
หมอเลยจะไม่ทำอะไรกับตามิคาอิล คงจะไม่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว
แต่มิคาอิลก็ต้องตรวจแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าหมอจะแน่ใจจริงๆ
ว่าตาของเขาไม่ส่งผลกระทบกับส่วนอื่น ได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ อัลฮัมดุลลิลละฮฺจริงๆ
เพราะสงสารลูก ถ้าเขาจะต้องมาเจ็บตัวในการโดนผ่าตัดอะไรแบบนี้
ถือเป็นข่าวดีมากๆ ทั้งมินีและสามีก็ดีใจกับสิ่งที่หมอสรุปผลออกมา
ตอนนี้ก็คงจะหาแว่นตาให้มิคาอิลใส่เพื่อป้องกันฝุ่น ป้องกันการกระแทก 
และอาจจะช่วยปรับบุคลิกภาพของมิคาอิลไปด้วย



25 June 2014
วันหยุดทำขนม Churros โดนัทสเปนให้มิคาอิลทาน

เหมือนเป็นธรรมเนียมว่า ถ้าวันหยุด มินีก็ต้องหาเมนูแปลกๆ ทำทานกับลูก
เช้าวันนี้พามิคาอิลออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน อากาศเย็นสบายดี กันก่อน
พี่หนึ่ง แม่บ้านที่คอนโดชวนออกมาดูอึงอ่างที่ฝังตัวเองในดินต้นไม้หน้าบ้าน


 @ แอบมาดูอึงอ่าง @


 @ ออกมาแล้ว @


@ ฝึกเดินด้วยการใส่รองเท้าแตะ @


หลังจากที่ใส่รองเท้าสัมพอร์ทเท้ามาตลอดเวลา
มินีก็อยากฝึกมิคาอิลใส่รองเท้าแตะบ้าง

หลังจากเดินเล่นก็พามิคาอิลไปอาบน้ำล้างตัว
มาเตรียมทำเมนูกินเล่นให้มิคาอิลได้ร้อง อู้ฮู้!! กันค่ะ


"วันนี้ก็ภูมิใจเสนอ Churros ชูโรส์ โดนัทสเปน หรือปาท่องโก๋สเปน"
มินีทำตามสูตรของคุณ Rins Cookbook คลิกจากลิ้งนี้ได้เลยนะค่ะ Churros

แต่ถ้าใครอยากทำตามมินีก็อ่านจากบล็อกนี้เลยนะค่ะ
มาเริ่มกันเลย



 @ วัตถุดิบอุปกรณ์พร้อม @



เอาหม้อตั้งไฟใส่น้ำใส่เนยลงไปละเลย @


 @ เนยละลายแล้วก็ปิดไฟ แล้วใส่แป้งเอนกประสงค์ลงไป @


 @ คลุกแป้งกับเนยละลายให้เข้ากัน @


 @ ตอกไข่ใส่ถ้วยที่ละฟอง ใส่กลิ่นวานิลาด้วยนะ แล้วเทใส่ลงในแป้ง
คลุกให้เข้ากันให้เนียน แล้วใส่ไข่ฟองที่สองตามลงไป @

หลังจากคลุกแป้งจนเนียน เอาแป้งตั้งบนเตาใช้ไฟเบาสุด
คลุกแป้งโดว์ไปเรื่อยๆ จนแป้งเนียน ไม่ติดหมอ
เอาแป้งใส่ถุงบีบ ใช้หัวดาวด้วยนะ เวลาบีบขนมจะได้สวยๆ
แต่มินีไม่มีถุงบีบ ไม่มีหัวดาวเลยใช้ถุงซิปแทน
แล้วก็ตัดปลายถุงเพื่อบีบแป้งลงไปทอดในน้ำมันที่เตรียมไว้


 @ ทอดแป้ง ใช้ไฟเบา แป้งข้างในจะได้สุก ข้างนอกจะกรอบๆ @

ทอดจนแป้งเป็นสีน้ำตาลทอง แล้วยกมาพักในตะแกรงจนเย็น
คลุก Churros กับน้ำตาลที่ผสมก็ผงซินนามอนแล้วเตรียมจัดใส่เสริฟสวยๆ เลย

ตะแด๊นนนนนน !!!! 
เสร็จแล้ว Churros ของมินี มิคาอิลกินไปเยอะมาก
มินีได้ลองชิมไปแค่ชิ้นเดียวเอง แต่ยังไม่พอใจเท่าไร มันยังไม่เหมือนที่เคยซื้อกิน
เอาใหม่ๆ เดี๋ยวค่อยปรับสูตรไปเรื่อยๆ เพราะมินียอมรับว่าไม่ได้ตวงส่วนผสมอ่าค่ะ T__T
รูปร่างของ Churros มินีก็เบี้ยวๆ เพราะไม่มีถุงบีบกับหัวดาวสวยๆ ไว้จะไปหาซื้อติดบ้าน















 @ Happy Happy @


@ อืมมม อย่อยยยยย @


มินีคงไม่ได้อัพรูปตัวเองลงในเฟสบุคแล้วนะค่ะ สามีขอไว้
แต่ก็คงจะได้เห็นรูปมินีบ้างใน IG หรือในบล็อกนี้แทน
คือ ใน IG กับบล็อก มีคนรู้จักเราน้อยกว่าเฟสบุค
สามีขอความร่วมมือ ก็จะพยายามทำให้เขา


 @ Selfie กับ Kitty Doughnut @


@ And Selfie with My Cutie Carrot @


ลูกสาวมินีต้องให้ได้แบบนี้นะ อินชาอัลลอฮฺ



มีความสุขในทุกๆ วันนะค่ะ




Sunday, June 22, 2014

@^^เล่นและเรียนรู้ที่บ้านง่ายๆ + ปลากระพงนึ่งมะนาวของมินี^^Play and Learn & Our Fish Menu at Home^^@

22 June 2014
Time 13:45LT
@ Hangar 4426
Temp 33C

 
วันนี้น้องตูนมาเยี่ยมพวกเราที่ออฟฟิต
มินีเลยม้วนซูชิไปกินกัน รอบนี้เปลี่ยนยี่ห้อข้าวญี่ปุ่น
รู้สึกไม่ค่อยปลื้ม ข้าวออกแนวแข็งๆ ไม่นุ่มเท่าครั้งก่อน
แต่ก็ดีใจที่น้องๆ กินกันหมด แล้วก็ชมว่าอร่อย
ทั้งซุปมิโซะ น้องๆบอกว่าเหมือนของที่ร้าน แค่นี้ก็ปลื้มแล้ว
 
จะมาเล่าย้อนเมื่อววันหยุดที่ผ่านมากสักนิด
มีกิจกรรมกับเจ้าตัวแสบที่บ้าน แล้วก็ดูเหมือนเขาจะชอบมากด้วย
 
 
18-19 June 2014
"ระบายสีตามใจจินตนาการ"
มิคาอิลชอบเล่นสี พู่กัน ปากกา ขีดๆ เขียนๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
วันหยุดเลยพามิคาอิลไปเดินเล่นซื้อของที่เซนทรัลลาดพร้าว (ต่อจากไดอารี่หน้าที่แล้ว)
ไปเดินหาอุปกรณ์สีน้ำที่ไม่มีสารเคมีสำหรับเด็กๆ ให้มิคาอิล
ได้มา 1 ชุด พร้อมพู่กัน สี จานสี สมุดวาดเขียน
 
วันรุ่นขึ้นก็ยังเป็นวันหยุดของมินี แต่ตั้งใจไว้ว่า จะทำความสะอาดบ้านให้เสร็จไวๆ
จะได้มีเวลามานั่งเล่นกับมิคาอิลแบบเป็นจริงเป็นจัง เพื่อเป็นการเสริมการเรียนรู้
ของมิคาอิลเอง เพื่อจะได้เป็นการต่อยอดจากการฝึกที่จุฬาฯด้วยเลย
 
เมื่อจัดการกับบ้านเรียบร้อย ได้เวลาของมิคาอิลแล้ว สีพร้อม ชุดพร้อม มิคาอิลก็พร้อม
เรามาลุยกันเลย
 

@ เริ่มแรกก็ผสมสีเองเลย @

















 @ ผลงานป๋มเกินกว่าจินตนาการ อิอิ @

กิจกรรมนี้เล่นได้แค่ประมาณ 20 นาทีก็ถือว่าเก่งแล้ว
ถ้านานกว่านี้บ้านอาจจะเละได้ อิอิ

ช่วงเย็นๆ นึกเมนูพิเศษ ได้ปลากระพงมาตัวนึงหนัก 1 กิโลกรัม
เลยเอามาทำเมนู "ปลากระพงนึ่งมะนาว" สูตรจากอินเตอร์เน็ตอีกแล้วค๊าาา

ทำครั้งแรก กลัวรสชาดจะไม่แซ่บ กลัวสามีจะผิดหวัง
แต่จริงๆ แล้ว ถ้าทำไม่อร่อย สามีก็ไม่เคยบอกว่าไม่อร่อยนะ แถมยังกินจนหมดนั้นแหละ

แต่รอบนี้ เมนูนี้ออกมาอร่อย ถูกปากเขามาก ชมตั้งแต่คำแรก แสดงว่าอร่อยจริง





@ ปลากระพงนึ่งมะนาว @

กิจกรรมวันหยุดก็มีอยู่แค่นี้ แต่ก็มีความสุขมากไม่แพ้กับกิจกรรมอื่นๆ เลย



มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ

 


Thursday, June 19, 2014

@^^วันว่างๆกับมิคาอิล & มิคาอิลควรทำ Botox สำหรับการรักษากล้ามเนื้อของเขา จริงหรือ?^^A Day With Mikail & Botox For Mikail@

18 June 2014
Time 23.30LT
@ Flyawayminee's house
Temp 30C


วันนี้หยุด ฝนเริ่มพร่ำๆในเวลาอาหารเที่ยง
มิคาอิลนอนหลับกลางวันอยู่ในห้อง
หลังจากมินีทำอาหารเที่ยงง่ายๆ ทาน
เปิดคอมมาคิดที่จะเขียนไดอารี่ 
แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี
เพราะชีวิตที่ผ่านมา มันเหมือนกันจนบางที
มินีตื่นมาแล้วยังงงๆ ว่าวันนี้วันหยุด หรือวันทำงานกันนะ
หลังจากมิคาอิลตื่น ก็พากันไปหลบร้อนรับแอร์เย็นๆ ในห้าง
ตั้งใจจะพามิคาอิลไปกินไอศครีม แล้วก็เดินดูของ ได้ติดมือมาสองสามอย่าง


@ รอขนมใจจดใจจ่อ @


@ ไอศครีมปั่นของป๋ม @


@ ชาร้อนกับของหวานและมิคาอิล ช่างเข้ากันจริงๆ @


10 June 2014
มิคาอิลมีตรวจคลีนิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู

มินีหยุดงานทั้งวัน ซึ่งก็ได้ทำใจไว้แล้วว่าต้องรอคิวนานมากกับคลีนิคนี้
กว่าจะได้ตรวจก็ปาเข้าเที่ยงกว่าๆ แล้ว

ขอเล่าถึงความเป็นมาของการที่มาตรวจที่คลีนิคนี้นิดนึงนะ
จากที่มิคาอิลมีกร้ามเนื้อมัดใหญ่อ่อนแรงจากโรคที่เขาเป็นตั้งแต่เกิด
หมอด้านพัฒนาการร่วมกับนักจิตวิทยาที่เป็นคุณครูของมิคาอิล
ลงความเห็นว่าน่าจะได้ตรวจที่เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ครั้งแรกที่ไป เจอหมอเด็กๆ โดยที่อาจารย์หมอคอยดูแลอยู่ห่างๆ
แต่วันนั้น หมอตรวจแค่เท้ามิคาอิล แล้วบอกว่ามิคาอิลไม่มีอุ้มเท้า เท้าแบน
ควรจะใส่รองเท้าสำหรับเด็กพิเศษ ตอนนั้นเป็นความโชคดีของมิคาอิลอีกครั้ง
ที่มีโครงการแก้วตาอะไรสักอย่างนี่แหละ ของพระราชินี
ให้เด็กพิเศษมีโอกาสได้ใส่รองเท้านี้แบบนี้ฟรี ไม่ต้องเสียตังค์
เพราะถ้าต้องตัดเอง ก็ต้องเสียตังค์เอง คู่นึงก็หลายพันอยู่นะ
ตั้งแต่นั้นมามิคาอิลก็ใส่รองเท้านี้มาตลอด บวกกับไปฝึกกับคุณครูทุกอาทิตย์
พัฒนาการด้านอื่นๆ ของมิคาอิลดีขึ้นแบบก้าวกระโดด 
แต่การเดินของเขาไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น คือยังเดินเองไม่ได้เลย
จนอายุได้ 2 ขวบกว่า มิคาอิล เริ่มมีการเกาะยืนเองบ้าง แต่ไม่ค่อยมีแรง
พ่อแม่ต้องช่วยเหลือตลอด คุณครูนักกายภาพ นัดไปทำกายภาพเพิ่มอีก 1 วัน
ได้สอนการทำกายภาพให้มิคาอิลได้ฝึกทำระหว่างที่อยู่ที่บ้านด้วย
มิคาอิลมีพัฒนาการด้านการเดินดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นที่กังวลสำหรับเรามาก
เรายอมรับว่า เรายังทำกายภาพให้มิคาอิลได้ไม่เต็มที่ ด้วยสาเหตุที่เราสองคนต้องทำงาน
กลับมาบ้านบ้างครั้งมิคาอิลก็หลับแล้ว จะมีเวลาทำให้เขามากหน่อยก็ช่วงวันหยุด
แต่ก็ยังไม่พอ ตอนนี้มีวิธีเดียวที่จะมีเวลาทำให้มิคาอิลได้มากขึ้นกว่าเดิมคือ
คนใดคนนึงต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเขาให้เต็มที่ ซึ่งเราสองคนก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน

กลับมาเรื่องการตรวจของคุณหมอเมื่อวันที่ 10 มิ.ย ต่อ
คราวนี้ได้เจออาจารย์หมอเองเลย เป็นผู้หญิง สวย น่าตาดีทีเดียว
คุณหมอก็ให้หมอเด็กๆตรวจเช่นเคย แต่หมอยืนดูอยู่ใกล้ๆ
หมอบอกให้มิคาอิลลองเดิน อาจารย์หมอก็บอกว่า 
การเดินแบบนี้เป็นอาการของเด็ก CP (Cerebral Palsy=สมองพิการ) 

อจ.หมอก็ให้มินีกับมิคาอิลมานั่ง แล้วคุณหมอถามมินีว่า
คุณแม่รู้จักการรักษาแบบ Botulinum Toxin (Botox) มินีตอบว่าไม่รู้จักค่ะ
คุณแม่รู้จัก Botox มั้ย? มินีก็ตอบว่าไม่รู้
(คือเคยได้ยินเรื่อง Botox นะค่ะ แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับโรคที่มิคาอิลเป็น
ตอนนั้นยังงงๆ กับหมอ ถามเรื่อง Botox ทำไม? )
คุณแม่รู้จัก CP มั้ย (Cerebral Palsy) มินีตอบไม่รู้จัก
คุณหมอเหมือนจะมีอารมณ์นิดๆ แล้วพูดกับมินีว่า "คุณแม่ไม่รู้อะไรเลยหรอค่ะ"
จบอะไรมา จบป.ตรีใช่มั้ย? งั้นคุณแม่ไป Search หาคำเหล่านี้ที่หมอพูดถึงนะ
เออ!! แล้วคุณแม่ทำงานอะไร มินีตอบ มินีทำงานสายการบิน เป็น Flight Operation Officer
คุณหมอก็ถามอีกว่า แล้ว Flight Operation Officer เป็นงานแบบไหน ทำอะไร?
(มินีเข้าใจเลยว่า คนเราทุกคนใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง คุณหมอยังไม่รู้จักหน้าที่การงานของมินีเลย
แล้วทำไมคุณหมอต้องมาคาดหวังให้มินีรู้ถึงวิธีการรักษาที่มันซับซ้อนแบบนี้ด้วย
ซึ่งมันคนละสายงานเลยนะค่ะ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด อีกอย่างมินีเคยได้ยินคำว่า Botox
ในเรื่องความสวยความงาม แต่ไม่เคยสนใจหาข้อมูล เพราะไม่เคยคิดจะทำ เลยไม่สนใจเรื่องนี้)
คุณหมอบอกว่า ข้อดีในการหาข้อมูลทางอินเตอร์คือ รายละเอียดเยอะ แต่ใช่ว่าจะจริงทั้งหมด
ถ้าเตรียมข้อมูลพร้อม เดือนหน้า เรามาคุยกันว่า การรักษาอาการกร้ามเนื้อขาของมิคาอิลที่เกร็งนี้
สามารถฉีด Botox เพื่อลดอาการได้ยังไงบ้าง แต่หมอดูเหมือนอยากให้ทำนะ (อันนี้คิดเอง)
มินีขอไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมให้มากกว่านี้หน่อย สุดท้ายของการสนทนาระหว่างมินีกับคุณหมอ
คือ คุณแม่เป็นคนไทยมั้ย? มินีตอบใช่ค่ะ แล้วทำไมคุณแม่พูดไทยไม่ชัด คุณหมอถามอีก???
งงเลยอ่า มินีพูดไทยยังไม่ชัดอีกหรอนี้ย? คุณแม่ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยใช่มั้ยค่ะ?
มินีตอบ อ่อเปล่าค่ะ โง่อังกฤษมาก แล้วคุณแม่พูดภาษาอะไรค่ะ?
มินีตอบ ภาษาไทยกับภาษามลายูหรือภาษามาเลย์อ่ะค่ะ
ภาษามลายูคือภาษาอะไรคุณแม่???                แหม....คุณหมอ
ถามไม่คิดเลยเนอะ ณ เวลานั้นมินีอยากจะตอบคุณหมอมากเลยว่า 
คุณหมอลอง Search หาข้อมูลในเน็ตแล้วค่อยมาคุยกันเดือนหน้าดีมั้ย? 
นี่คุณหมอไม่รู้อะไรเลยหรอ??? (เหมือนที่คุณหมอพูดว่าแดกมินีไปไงค่ะ)
แต่ก็ได้แค่คิด ไม่กล้สพูดแบบนั้นออกไปหรอก เรายังต้องเจอกันอีกนาน.....

ออกมาจากห้องตรวจแล้วมึน งง มาก ทำไมต้องเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว
ที่บอกว่าเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว คือ ทำไมต้องมีเรื่องให้เราต้องตัดสินใจ
บนความเสี่ยง หรือต้องวัดดวงให้กับมิคาอิลด้วย
ทำไมหมอไม่บอกถึงข้อดีข้อเสียไปเลยว่าเป็นยังไง ไอ้เรื่องให้ไปหาข้อมูล 
คุณหมอไม่ต้องบอกหรอก เราก็ต้องกดหาในเน็ตอยู่แล้ว
เราเองก็เป็นมนุษย์อินเตอร์อยู่เหมือนกันนะ
มันเหมือนเรากำลังโดนทดสอบ หรือโดนให้วัดใจในการตัดสินใจอะไรสักอย่าง
เวลานี้เราไม่ได้อยากให้ลูกเราต้องมาโดนทดสอบอะไรแบบนี้เลย

บ่ายสองโมงกว่าๆ เดินขึ้นไปเข้ากลุ่มกับนักจิตวิทยาและนักกายภาพ
มินีลองถามคุณครูนักกายภาพว่า มิคาอิลควรทำ Botox ฉีดเข้ากร้ามเนื้อมั้ย?
คุณครูให้ความเห็น ในฐานะคนที่ทำการฝึกมิคาอิลตั้งแต่มิคาอิลยังเล็กๆ ว่า
ไม่อยากให้ทำเลยคุณแม่ เพราะต้องเข้าใจว่ามิคาอิลตอนนี้เขาสามารถทรงตัว
ได้ด้วยความผิดปรกติของกร้ามเนื้อและสมองของเขาเอง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีมากๆ
ถ้าฉีด Botox เข้าไป กร้ามเนื้อจะอ่อนลง ครูกลัวว่ามิคาอิลจะไม่มีแรงทรงตัว ไม่ยืน
ไม่เดินเหมือนเก่ามันจะลำบากมากกว่าเดิม แล้วหลังจากฉีด Botox แล้ว 
มิคาอิลต้องทำกายภาพอย่างหนักมากกว่าเดิม 2-3 เท่า ปัจจุบันก็ทำแบบไม่เต็มที่อยู่แล้ว

ได้ยินแบบนี้ ยิ่งทำให้เราเครียดไปอีก ไม่อยากทำ 
ไม่อยากให้มิคาอิลต้องกลับไปเริ่มต้นสำหรับการเดินใหม่
เอาง่ายๆ คือ มินีไม่ค่อยเชื่อหมอคนนี้เท่าไหร่นะ สาเหตุคือ
คุณหมอสรุปว่ามิคาอิลเป็น CP เร็วเกินไป โดยที่หมอไม่ได้อ่านประวัติของมิคาอิล
อย่างละเอียดเลย จริงๆ แล้ว มิคาอิลเป็นโรค SOD ซึ่งหมอระบบประสาทกับหมอต่อมไร้ท่อ
ได้ทำการตรวจมิคาอิลแบบละเอียด ติดตามอาการมาโดยตลอดตั้งแต่มิคาอิลอายุ 11 วัน
ล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว หมอระบบประสาทได้เขียนสรุปรายงาน
เรื่องโรคของมิคาอิลอย่างละเอียดมาก มินีอ่านเองยังพอเข้าใจเลย ผล MRI ก็มีแนบไว้



ที่เขียนเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาจะดิสเครดิตคุณหมอท่านนี้แต่อย่างใด
มินีแค่สับสน และเครียด กังวลกับมิคาอิลมาก กลัวเขาจะกลับไปเดินไม่ได้อีก
ตอนนี้เราสองคนเหนื่อยมากที่ต้องเลี้ยงลูกเอง กระเตงๆ ไปที่ทำงานทุกวัน
เพราะถ้ามิคาอิลเดินไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย คงแย่มากๆ
ณ ตอนนี้เราสองคนพอใจกับพัฒนาการของมิคาอิลมาก
กลัวถ้าตัดสินใจไป แล้วมันมีผลกระทบต่อมิคาอิลในทางที่แย่ลง เราไม่รู้จะทำยังไง
v
v
v
v
v

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาของการทำงาน มีเรื่องให้คิดวกวน
จิตใจไม่ค่อยจะสงบโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ก็ยังทำงานได้เหมือนเดิม


 @ เตรียมชาร์ทไฟล์ทบินไปสิงค์โปร์ @


หรือจะเป็นเพราะน้ำหนักที่ลดลง เลยทำให้สารอะไรสักอย่างในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง?


@ น้ำหนักลดลงเท่าตอนก่อนท้องแล้ว @


ปอลิง. คืนนี้นั่งดูบอลออสเตรเลียกับเนเธอร์แลนด์ เล่นได้มันส์ แต่เราเชียร์ประเทศที่เป็นรอง
สู้ๆ นะออสเตรเลีย พลังจิงโจ้ เตะให้มันส์ไปเลย


มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ


Sunday, June 8, 2014

@^^ทำซูชิครั้งแรกในชีวิต + เดินเที่ยวห้างใหม่ในเมืองกรุงเทพฯ^^Sushi By Me & The New Luxury Shopping Mall In Bangkok^^@

08 June 2014
Time 22:09LT
@ FlyawayMinee's House
Temp 30C, Mostly Cloudy.


6 June 2014
"ทำซูชิครั้งแรกในชีวิต"

วันหยุดนี้ถือศีลอดชดเชยเป็นวันสุดท้าย
กำลังคิดเมนูแปลกใหม่ที่อยากจะลองทำเองดู
และแล้วก็มีความตั้งใจแน่วแน่มากๆ ที่จะทำซูชิให้ได้
หลังจากที่จัดการงานบ้านเสร็จเรียบร้อย ให้มิคาอิลได้นอนกลางสักแปบ
บ่ายสามโมงกว่าๆ ก็ขับรถไปซื้อข้าวของอุปกรณ์ทำซูชิที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน
ได้ของมา (เกือบครบ) คิดว่าซื้อของครบนะ แต่ดันลืมหัวใจสำคัญของซูชิจนได้
มินีลืมซื้อ วาซาบิกับซอสโซหยุ อ่า *____*'
ดีที่นึกได้ทัน โทรหาคุณสามีให้แวะซื้อมาให้ก่อนกลับจากที่ทำงาน


@ วัตถุดิบของการทำซูชิ @


ยืนงงกับวัตถุดิบไปสักพักใหญ่ๆ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
พยายามจำที่น้องชายที่เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นสอนทางโทรศัพท์ได้
เลยเรียบเรียงกระบวนการความคิด แล้วก็เริ่มทำกันเลย
มินีมีเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงจะละศีลอดแล้ว ต้องรีบทำด่วน
ไม่งั้นไม่มีอาหารไว้สำหรับแก้ศีลอดแน่ๆ
เริ่มจากหุ้งข้าว ซาวข้าวญี่ปุ่น แล้วก็หุ้งเหมือนหุ้งข้าวปรกติเลยค่ะ
ระหว่างที่รอข้าวสุข ก็มาเตรียมหั่นวัตถุดิบอื่นๆ ไว้พล่างๆก่อน
ทั้งอโวกาโด ปูอัด แตงกวา เต้าหู้ มายองเนส ปลาทูน่า
มีอะไรก็เอามาเตรียมไว้ก่อนเตรียมเสร็จแล้วก็หันมาผสมน้ำส้มสายชู
เพื่อผสมลงในข้าว นีใช้น้ำ Apple Cider เพราะกลิ่นหอม
ใส่น้ำตาลเกลือผสมด้วยให้รสชาติเปรี้ยวหวานเค็มนิดหน่อย



@ ผสมน้ำส้ม @


ข้าวสุกแล้วก็ผสมน้ำส้มลงในข้าว ตอนที่ผสมก็ไม่ได้ลองชิม เพราะยังถือศีลอดอยู่
ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อย กังวลเหมือนกันนะกลัวข้าวจะเปรี้ยวเกินไป
ผสมเสร็จ ก็ได้เวลาลงมือม้วนซูชิแล้ว มิคาอิลนั่งเป็นกำลังใจให้มามาข้างๆ
ตั้งใจดูมามาทำมากว คงสงสัยว่ากำลังจะทำอะไร มิคาอิลไม่เคยเห็น
มินีจำวิธีการม้วนมาจากน้องชายที่เคยสอยม้วนทาง Social Cam
มินีม้วนสองแบบ แบบแรกคือ มากิซูชิ Maki Sushi สาหร่ายอยู่ชั้นนอก
และแบบที่สองคือ แคลิฟอร์เนีย มากิซูชิ California Maki Sushi 
แบบที่สองทำค่อนข้างยากคือข้าวอยู่ชั้นนอก สาหร่ายอยู่ด้านใน
ทำชิ้นแรกก็ตั้งใจสุดๆ พยายามม้วนให้แน่นๆ ออกมาสวย มิคาอิลตบมือชอบใจใหญ่


 @ มากิซูชิ Maki Sushi @


 @ สวยๆๆ @


 @ แคลิฟอร์เนีย มากิซูชิ California Maki Sushi @

พอหั่นออกมาแล้ว สวย ถูกใจมากๆ
แต่ยังไม่ได้ลองกินนะ รอเวลาอีกแปบนึงก็จะได้ลองชิมแล้ว
รสชาติจะอร่อยหรือป่าว? จะได้กิน หรือจะโยนลงถังขยะ?? ลุ้นๆ
แต่น่าตาถือว่าสอบผ่าน ตัดสินเองเลยค่ะ อิอิ














 @ อีกแบบทำ มากิซูชิ Maki Sushi แต่ตั้งแนวนอน
แล้วก็แต่งไข่กุ้งกับสาหร่ายให้สวยๆ @


หลังจากได้เวลาละศีลอดแล้ว ลองชิมคำแรก อืมมม!!
รสชาติข้าวอร่อยมากๆ 
ไม่เปรี้ยว ไม่เค็มเกินไป หวานนิดหน่อย กำลังดีเลยที่เดียว!
เสร็จแล้วก็ไปทำซุปมิโซะ ง่ายๆ มันมีเครื่องแกงซุปมิโซะขายตามห้างอยู่แล้ว
ต้มน้ำรอเดือด ใส่เครื่องแกงซุปลงไป มินีใส่ปลาแซลมอนลงไปด้วย
เพิ่มรสชาติหวานของน้ำซุปจากเนื้อปลาแซลมอน
ใส่เต้าหู้ สาหร่าย รอเดือดอีกแปปนึง ก็ปิดไฟ พร้อมกินแล้ว


@ ครบชุด @

ปลื้มมากที่ทำออกมาทั้งน่าตาและรสชาติของซูชิ
สวยและอร่อยถูกปากทั้งเราและสามี
มิคาอิลกินแต่ซุป เพราะยังกินซูชิยังไม่เป็น
ตอนนี้ก็ไม่ต้องง้อร้านซูชิแล้ว อยากกินก็ทำกินเองเลย
อร่อย สะอาด ถูกใจ ทุกคนในบ้าน




7 June 2014
ไปเที่ยวห้างใหม่ไฮโซใจกลางเมืองกรุงเทพฯ

ได้หยุดตรงกันกับคุณสามีหนึ่งวัน เลยมีแพลนอยากไปเที่ยวห้างใหม่
ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี่เอง ตอนแรกสามีทำทางอิดออดไม่ค่อยอยากไป
แต่ก็ใจแข็งได้ไม่นาน มินีอ้อนจนสำเร็จ จนต้องยอมตามใจ อิอิ

มื้อเช้าวันนี้ทำอาหารง่ายๆ แต่อร่อย ถูกใจคุณสามีอีกแล้ววว!
เพิ่งจะรู้ว่าสามีก็ชอบกินอโวกาโด ไม่คิดว่าว่าเขาชอบทาน
เลยไม่เคยซื้อมากินกันเลย อโวกาโดนี้เหลือจากการทำซูชิเมื่อคือน
เอามาหั่นทานเป็นอาหารเช้า กับขนมปังปิ้ง สลัดผัดก็อร่อยดีนะค่ะ
มีประโยชน์ และคุณค่าทางอาหารสูงมากๆ


@ มื้อเช้าอร่อยๆ @


หลังเที่ยงก็เตรียมออกจากบ้านไปเที่ยว Central Embassy
ห้างใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว อยู่ติดกับ Central Chidlom
ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ขับรถไประแวกนั้น ที่ไปบ่อยๆ ก็จะเป็น Central World
ถ้าจะไปนอกเหนือจากนี้เราจะเดินกับรถไฟฟ้าซะส่วนใหญ่
วันนี้คุณสามีเลยตัดสินใจไปจอดรถที่พารากอน
ทั้งๆที่มินีบอกให้ลองขับไปจอดที่ห้างเขาเลย
เขาก็กลัวไปไม่ถูก เพราะถนนแถวนั้นมันจะวันเวย์ซะส่วนใหญ่
เลยตามใจคุณสามี แต่หารู้ไม่ ที่พารากอน ที่จอดรถเต็มหมดทุกชั้น
วนตั้งหลายรอบกว่าจะได้จอด ถ้าขับรถไปที่ Central Chidlom ก็ถึงนานแล้ว :(

ได้ที่จอดรถก็เดินไปที่สถานีรถไฟฟ้า เพื่อจะนั่งรถไฟฟ้าต่อไปยังสถานีชิดลม
Central Chidlom มีทางเชื่อมต่อไป Central Embassy เดินออกไปทางด้านหลังของห้าง
ถึงสักทีนะ ห้างไฮโซที่เราอยากมาดูว่ามันเป็นยังไงเนี่ย!





@ ทางเชื่อมระหว่างห้างเซนทรัลทั้งสอง @


@ มีการแสดงระบำสเปนพอดี สาวๆ สวยด้วย @





@ ตัวอาคารออกแบบได้โมเดิร์นมาก @

ได้ลองเข้าห้องน้ำ โอ้โฮ ไฮโซสุดๆ มีระบบแบบญี่ปุ่น แต่เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ
แทบจะถือดิชชั่นนารี่เข้าห้องน้ำกันเลยที่เดียว *__'


@ เด็กซนมาเที่ยวห้างใหม่ @

ร้านค้าแบรนด์เนมดังๆ จากเมืองนอกมาเปิดเยอะมาก
ราคาคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเราไม่มีความสามารถจะซื้อมาใช้ได้แน่ๆ
ถ้าได้รางวัลจากฝาโออิชิก็คงไม่แน่ จะเข้าไปซื้อมาสักใบสองใบให้ดูเลย อิอิ

มีร้านนึงอยากเข้ามาก Harrods มีทั้งสินค้าดังๆที่มีชื่อ แล้วก็ Cafe' นารักๆ
อยากนั่งทานมาก แต่คุณสามีเล็งๆร้านกาแฟตรงระหว่างทางเชื่อมที่จะมาถึงห้างแล้ว
เขาเลยชวนไปนั่งที่ร้านนั้น ร้านนี้ออกแนวน่ารักๆ สามีเราไม่น่ารัก อดนั่งกินเลย
แต่ถึงแม้ไม่ได้เข้าไปนั่งทาน ขอถ่ายรูปกับพี่หมี Harrods สักหน่อยนะ


@ Harrods Tea Room @

เดินสำรวจทุกชั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับห้างอื่นๆ แค่ที่นี้มีร้านแบรนด์เนมดังๆ เยอะ
มี Cafe' เก๋ๆ น่านั่งหลายร้าน แต่ส่วนตัวแล้วชอบที่ Central World มากกว่า
อาจจะเป็นเพราะห้างนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ได้ ถ้าเสร็จสมบูรณ์คงจะน่าเดินมากกว่านี้

หลังจากเดินจนเมื่อย เลยชวนคุณสามีไปนั่งทานกาแฟที่ Cafe' ที่เซนทรัลชิดลม
มิคาอิลจะได้แวะเข้าห้องน้ำ แล้วก็ทานขนมอร่อยๆ ด้วย











@ ของเราสองคน สั่งเหมือนกัน ชอบเหมือนกัน @


@ ขนมของมิคาอิล
แต่มิคาอิลก็มาแย่งครัวซองค์ของมามากินซะงั้น @


@ ทำหน้าเซ็งๆ จะกินขนมของมามาอ่า @


ทานเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้ากลับไปพารากอน เดินซื้อของนิดหน่อย
ก็ขับรถกลับบ้าน วันนี้เหนื่อย เดินเยอะ ดีนะ ชอบๆ นึกถึงที่เมลเบิร์นเลย
อยากเดินเยอะๆ แบบนี้ทุกวัน น้ำหนักจะได้คงที่ ไม่กลับไปอ้วนเหมือนเมื่อก่อน


เป็นอีกหนึ่งวันหยุดที่มีความสุขมากๆ ของครอบครัวเรา
ได้ใช้ชีวิต เดินเล่น พูดคุยด้วยกัน แค่นี้ก็สุขใจแล้ว




มีความสุขในทุกๆ วันนะค่ะ