Time 14:00LT
@ Hangar 4426
Temp 44C
ผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์ที่หลานๆ พี่สะใภ้ และแม่เดินทางกลับนราธิวาส
บ้านที่กทมฯ เงียบมากหลังจากที่เด็กๆ กลับบ้านไปกันหมด
นึกถึงเมื่อหลายปีก่อนที่เขียนไดอารี่ที่ http://minee.exteen.com
จะเน้นเขียนถึงเรื่องงาน ช่วงนั้นมีคนรู้จักเราในแวดวงการบินเล็กๆ อยู่บ้าง
แต่พอมีครอบครัว มีลูก แนวการเขียนก็เปลี่ยนแนวไป จะเน้นถึงเรื่องลูกซะส่วนใหญ่
เขียนถึงงานบ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน คนที่เคยอ่านไดอารี่ก็เริ่มลดลง
วันนี้ก็ยังคงจะเขียนถึงเรื่องชีวิตประจำวัน ครอบครัว
แต่ก็จะมีเรื่องงานมาระบายนิดหน่อย ยอมรับว่ามีเรื่องเครียดๆ อยู่
7-18 Apr 2014
หลังจากที่พี่ชายเดินทางกลับไปที่สวีเดน
พี่สะใภ้กับหลานๆ ยังคงอยู่กทมฯ อีกอาทิตย์กว่าๆ ตรงช่วงสงกรานต์พอดี
กิจกรรมที่ทำก็ไม่ได้มีอะไรมาก ออกไปเที่ยวห้างนอกบ้าน
ทำอาหารอร่อยๆ กินกัน เย็นๆ ก็ไปว่ายน้ำในสระในหมู่บ้าน
รู้สึกมีความสุข ที่บ้านไม่เงียบเหงา
@ พาเด็กๆ ไปกินติม @
ช่วงสงกรานต์หยุดอยู่บ้าน พี่สะใภ้ก็ทำอาหารใต้ให้ทาน
อร่อย อิ่ม สะใจมร๊ากก!
@ กุ้งกระเทียม + ไข่ลูกเขย @
แอบสารภาพ เพิ่งรู้วิธีการทำน้ำราดไข่ลูกเขยที่ถูกวิธี
ที่ผ่านมาทำให้มิคาอิลทานอีกแบบ ยังนึกสงสัยว่าทำไมรสชาดไม่เหมือนที่เคยกิน ฮี่ๆๆ
@ แกงเนื้อแบบใต้ @
ได้ลองทำแกงเนื้อแบบใต้ ตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าเราทำได้
เดี๋ยวจะหาเวลาว่างลองทำเอง โดยไม่ให้ใครช่วย
@ ไข่ยัดไส้ @
@ อาหารเที่ยงในวันหยุดที่ร้อนระอุของเดือนเมษา @
@ ทำมะตะบะทานกันเองในครอบครัว @
มาดูตัวแสบแต่ละกันกันดีกว่า
ที่มาเพิ่มสีสันให้บ้านของเรามีทั้้งเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ดังสนั่น
@ พี่อัสมี่ @
@ พี่ฮาคิม @
@ น้องฟิรดาวร์ @
น้องเล็กคนสุดท้องนี้เสียงแปดหลอดสุดๆ อย่างที่เคยเขียนเล่นในเอนทรี่ที่แล้ว
มินีกับสามีลองคุยกับนักจิตวิทยาเด็กที่จุฬาฯ เรื่องที่เขาร้องกรี๊ดๆ เสียงดังมาก
นักจิตวิทยาก็ได้ให้คำปรึกษาและแนวทางที่ดีมาก คือ
ถ้าเด็กร้องกรี๊ด ก็ปล่อยให้ร้องไป แต่พ่อแม่ต้องคอยดูว่า
กรี๊ดแล้วทำลายร่างกายตัวเอง หรือคนอื่นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ปล่อยให้ร้องไป อย่าไปโอ๋
เด็กวัยนี้จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นนาย ถ้าร้องแล้ว พ่อแม่ต้องยอม
และถ้าพ่อแม่ยอม ก็จะเข้าทางเขาเลย เด็กจะทำพฤติกรรมแบบนี้ต่อไป
แต่ถ้าพ่อแม่ปล่อย ไม่ยอม เด็กก็จะเรียนรู้ว่า วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล
เขาอาจจะเพิ่มทวีความรุนแรงในการกรี๊ด แต่ถ้าพ่อแม่ยังเฉย
สุดท้ายแล้วเขาจะหยุดเอง แต่ต้องคอยดูว่าเขาต้องไม่ทำร่างกายตังเองด้วยนะ
เด็กบางคนมีพฤติกรรมแบบนี้ และอีกปัจจัยนึงคือ
โดนพี่แกล้งแล้วทำให้กรี๊ด ซึ่งพ่อแม่ต้องจัดการกับพี่ด้วย
จริงๆ แล้วการเลี้ยงเด็กไม่ใช่ง่ายเลยนะเนี้ย!
โชคดีที่มิคาอิลไม่มีพฤติกรรมแบบนี้
อีกกิจกรรมนึงที่เด็กๆ ชอบมาก คือว่ายน้ำ
ว่ายจนตัวดำปี๋เลย แต่เด็กๆ ก็สนุกมากมาย มิคาอิลก็ลงไปเล่นด้วย สนุกกันใหญ่
หลังจากที่แม่และเด็กๆ เดินทางกลับใต้
ตอนนี้มินีกับลูกและสามีอยู่กันแค่ 3 คนในบ้าน เหงามาก
และเหนื่อยมากด้วย ต้องอุ้มมิคาอิลไปที่ทำงานทุกวัน
ตอนนี้อยากจะให้มิคาอิลเดินให้เก่งๆไวๆ มินีจะได้ส่งเขาเข้าโรงเรียนสักที
ตอนนี้มิคาอิลก็สามขวบครึ่งแล้ว น้องๆ รุ่นราวเดียวกันกับเขาก็เข้าโรงเรียนกันหมด
มินีอยากให้เขาได้สัมผัสกับสังคมในโรงเรียนบ้างจัง!
ช่วงที่พามิคาอิลไปที่ทำงาน มินีก็ต้องตื่นแต่เช้ามากกว่าปรกติ
ลงมาเตรียมอาหารเช้า กลาง และเย็นในเวลาเดียวกัน
เอาอาหารใส่กล่องมากินที่บริษัททุกวัน เหนื่อยมาก
แต่ในอีกแง่มุมนึงก็ดีใจที่ได้อยู่ดูแลเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราก็ต้องทำงาน
มินีเป็นหนี้บุญคุณกับบริษัทนี้จริงๆ ไม่ว่ามินีจะติดธุระเรื่องลูกยังไง
ที่นี่ก็ให้โอกาสเราได้จัดการกับลูกเราได้เต็มที่ เจ้านายเข้าใจ และเห็นใจเรา
ซึ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่มินีไม่คิดจะออกจากที่นี่แล้วไปหางานบริษัทการบินอื่นๆ ทำ
ที่นี่เป็นเหมือนครอบครัวมินีไปแล้วจริงๆ 9 ปีกับที่นี่ มันมีอะไรบางอย่างผูกพันกันจริงๆ
@ ตามมาทำงานกับมามา @
@ กลับบ้านเย็นทุกวัน แต่ป๋มก็ถอดรองเท้าเองได้ มามาไม่ได้ช่วย @
@ โรตีมะตะบะ อาหารเช้าง่ายๆ ของเราสามคน ก่อนออกไปทำงาน @
ในวันหยุดที่ผ่านมา มีงาน Bangkok Halal เลยชวนคุณสามีไปเที่ยว
เดินเล่น หาของกินอร่อยๆ นั่งรับลมเย็นตรงสนามหญ้า
บรรยากาศเหมือนตอนที่เรียนรามเลย ชอบมานั่งเล่นที่ราชมังคลฯ
@ นั่งกินของอร่อยๆ ในงานบางกอกฮาลาล @
และก็พาไปเดินห้าง หาเนื้อแกะอร่อยๆ ทาน
@ เคบับแกะอร่อยๆ @
@ โรตีนานกับแกงถั่ว มีน่องไก่ย่างด้วย @
เรื่องงานที่เครียดๆ
ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เมื่อเราได้ใช้เวลาทั้งหมดกับครอบครัว
แต่ในความเป็นจริง เวลาเราเกินครึ่งที่ทุ่มเทให้กับงาน
และแล้วงานก็ทำให้เรารู้สึกเครียด ทำให้บรรยากาศในครอบครัวเครียดไปด้วย
งานทุกๆ งานที่ฝ่ายของมินีที่ผ่านมา จะว่าไปแล้ว ไม่มีงานไหนง่ายเลย
มีแต่งานที่ยาก และยากที่สุด และล่าสุดก็มีงานนึงที่ทำให้เราทุกคนในฝ่ายเสียใจมาก
คือ
ลูกค้าประจำที่เราให้บริการเขามาตลอด 8-9 ปี ส่งรีเควส แล้วจะทำการบินที่เชียงใหม่
หน้าที่หลักๆ ของเราคือขออนุญาตลงจอดกับหน่วยการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ยากๆ
แต่ด้วยเวลาที่เขามาลงเป็นช่วงเวลาที่สนามบินปิด สิ่งที่ Dispatcher ทุกคนต้องทำ
ไม่ว่าจะอยู่บริษัทที่มีเครื่องบินเป็นของตัวเอง หรือเป็นบริษัทที่ให้บริการภาคพื้น คือให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
แนะนำนักบิน หรือฝ่ายโอเปอเรชั่นของบริษัทนั้นๆ ว่ามีวิธีการไหนบ้างที่สามารถลงมาจอดได้
เพื่อความสะดวกมากที่สุด ปลอดภัยสูงสุด หลีกเลี่ยงการที่จะทำให้เที่ยวบินนั้นล่าช้าในได้มากที่สุด
แต่ครั้งนี้ เมื่อเราส่งคำแนะนำไปให้เขา สิ่งที่เขาคิด คือ เราไม่สามารถให้บริษัทเขาได้ตามที่เขาร้องขอ
กลับกลายเป็นว่า เขายกเลิกให้เราบริการเขาเฉยเลย งงมาก ณ จุดนี้
ฝ่ายเรารีบตอบกลับไปว่า เรากำลังดำเนินการขออนุญาต แต่เราไม่สามารถ
ยืนยันได้ว่าทางท่าอากาศยานจะทำการเปิดสนามบินให้เครื่องของคุณมาลงได้หรือไม่
มันคือข้อเท็จจริงที่ทุกๆที่ มีกฏระเบียบอยู่แล้ว
ส่งคำขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ ในสิ่งที่เขาเข้าใจผิด
เพื่อให้เขากลับมาใช้บริการเราเหมือนเดิม
เครียดมากๆ เพราะลูกค้ารายนี้ มีความสำคัญกับฝ่ายเรามาก
มินีพยายามส่งเมล์ถึงหัวหน้าใหญ่ของเขา แต่ก็ไม่มีเมล์ตอบรับอะไรกลับมาเลย
ยิ่งทำให้เครียดไปใหญ่ แต่สามีให้คำแนะนำดีมากๆ พูดกับเราจนทำให้มินีมีสติ
และคิดได้ว่า มินีแค่กำลังโดนทดสอบ
ดุอาขอจากอัลลอฮฺเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
คงจะต้องปล่อยให้เป็นความประสงค์ของพระองค์
และตัวเราเองก็ต้องพัฒนาศักยภาพของเราเองไปพร้อมๆ กันด้วย
เอนทรี่หน้าคงมีเรื่องเล่าสนุกๆ จากเมืองเมลเบิร์น
มินีกับมิคาอิลจะไปตะลุยดินแดนจิงโจ้ค๊าาา ไว้ติดตามกันนะค่ะ
มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ